"หลอมรวมเข้ากับเสียงมหัศจรรย์"
ปัจจุบันในโลกของเรามีผู้คนจำนวนมากที่ได้ศึกษาบำเพ็ญตามธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง นี่คือธรรมวิถีสูงสุดที่นำพาพวกเราให้ก้าวเดินสู่เส้นทางหลุดพ้น เสาะหาต้นกำเนิดของตนเอง แต่ต้องมีพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งในปัจจุบันชี้แนะ นี่คือธรรมวิถีที่พระพุทธะทั้งหลายในอดีตได้ศึกษาบำเพ็ญ
ธรรมวิถีแห่งแสงและเสียงคือวิธีการรวมพลังภายในของพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียว รวมพลังแสงสว่างและเสียงภายใน และเสียงของสวรรค์ นี่คือวิธีที่ดีสุดเพื่อดึงพวกเราให้หันมาดูภายในตนเอง มุ่งสู่แสงสว่างของพระผู้มีพระภาคเจ้า และเสียงมหัศจรรย์ภายในของเรา
เสียงมหัศจรรย์คือพลังของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ได้สร้างและหล่อเลี้ยงทั่วทั้งจักรวาลนี้ เสียงมหัศจรรย์นี้พวกเราไม่สามารถฟังได้ด้วยหูธรรมดา และภาษาในโลกมนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ เสียงนี้มีแต่รู้สึกได้โดยจิตวิญญาณของพวกเรา แสงสว่างและเสียงคือผู้สร้างจักรวาล พลังของเสียงมหัศจรรย์ติดพันกับพลานุภาพของพระผู้มีพระภาคเจ้า เสียงมหัศจรรย์อยู่ภายในของเราตลอดกาล ในคำภีร์ได้กล่าวว่า: “พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ภายในของเราตลอดเวลา” หรือว่า “สวรรค์อยู่ในตัวเรา” พุทธศาสนาเคยกล่าวว่า: “พระพุทธะอยู่ในใจ” หรือ “ธรรมชาติแห่งพระพุทธะอยู่ภายในตัวของสรรพสัตว์”
เสียงศักดิ์สิทธินี้คือความเมตตาของจักรวาลปรากฏขึ้นโดยพระผู้มีพระภาคเจ้า นั่นคือแสงสว่างและเสียง แท้จริงแล้วในเสียงก็มีแสง และในแสงก็มีเสียง พระอาจารย์ผู้รู้แจ้งทั้งหลายตั้งแต่ปฐมโบราณมาถึงปัจจุบันล้วนกล่าวถึงแสงสว่างและเสียงนี้ บรรดาพระอาจารย์ในศตวรรษที่ 21 นี้ล้วนเน้นย้ำและตักเตือนลูกศิษย์ให้เพ่งฟังเสียงไหลเวียนที่สูงส่งนี้ เพื่อให้จิตวิญญาณผู้ศึกษาบำเพ็ญจะได้ยกสูงขึ้น ในเวลาพวกเขาศึกษาปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง
ช่วงเวลาประทับจิต พระอาจารย์จะส่งมอบพลังให้แก่ลูกศิษย์ ลูกศิษย์จะเห็นแสงสว่างขณะที่ทำสมาธิ จิตของเราจะปลอดโปร่ง มุ่งไปสู่แหล่งกำเนิดแห่งจิตวิญญาณ ในเวลานั้น แสงสว่างของพระผู้มีพระภาคเจ้าจะมาหาพวกเรา มีแต่เสียงจึงจะนำทางพวกท่าน และแสงสว่างเท่านั้นจึงจะส่องทาง เปิดปัญญาพุทธะภายในของพวกท่าน นอกจากนี้ยังมีเขตจิตวิญญาณสูงสุด พวกเราต้องมีเสียงจึงจะนำพาพวกเราไปถึงที่นั่นได้
พลังของเสียงศักดิ์สิทธิจะชำระล้างชะตากรรมทั้งหมดที่พวกเราได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่หลายพันกัปป์ แสงสว่างจะขับไล่ความมืดมนในจิตวิญญาณของเรา เวลาเรามองเห็นแสงนี้ก็เหมือนเรามองเห็นส่วนหนึ่งของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนั้น พวกเราต้องพยายามฝึกฝนบำเพ็ญต่อไป เพื่อสามารถเป็นเอกภาพกับพระอาจารย์ได้
เพื่อให้ได้รับสิ่งมหัศจรรย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าและพลังวิเศษ ปัญญาฉลาดผ่องใส ทะเลแห่งความเมตตาที่กว้างใหญ่ไพศาล หรือความสงบในเสียงมหัศจรรย์ที่ซ่อนเร้นในมนุษย์แต่ละคน พวกท่านต้องมีการนำพาโดยพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบัน และต้องได้รับการประทับจิตจากพระอาจารย์
แล้วใครจะเป็นผู้นำพาพวกเราเดินตามเส้นทางนั้น?
พระอาจารย์รูมาเป็นผู้นำพาพวกเรา พระอาจารย์จะชี้แนะวิธีทำสมาธิด้วยวิถีแห่งแสงและเสียง ช่วยพวกเราสื่อสารกับเสียงมหัศจรรย์นี้ หากผู้ใดต้องการรับประทับจิตเพื่อศึกษาบำเพ็ญธรรมวิถีนี้ จะต้องยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้: ต้องรับประทานมังสวิรัติตลอดชีพ และรักษาศีล 5 เงื่อนไขนี้ก็ไม่มีอะไรยากสำหรับผู้มีจิตใจแน่วแน่ มีใจปรารถนาอยากศึกษาบำเพ็ญและหวังต้องการหลุดพ้นในชาติเดียว
การทานมังสวิรัติตลอดชีพเป็นไปเพื่อทำให้จิตวิญญาณพวกท่านสะอาดบริสุทธิ์ เบาสบาย สะดวกในการรับเอาพลังสูงส่งจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อบำรุงหล่อเลี้ยงจิตใจเมตตาของตน แสดงความเมตตาให้แก่สัตว์เล็กสัตว์น้อยและทุกสรรพสัตว์ในจักรวาลนี้
ผู้ใดตั้งใจจริงปรารถนาอยากหลุดพ้น ในจิตใจต้องซื่อตรงต่อตนเอง ตั้งปณิธานทานมังสวิรัติตลอดชีวิต ไม่ทานไข่ และรักษาศีล 5 นี่เป็นเพียงผลสะท้อนถึงการพัฒนาของจิตใจและจิตวิญญาณ พวกเราเสียสละรสชาดเพื่อให้สัตว์มีความปลอดภัยตัวเราก็รู้สึกสบายกว่า สัตว์เหล่านั้นจะไม่รู้สึกกลัว เพราะเวลามันกลัว มันจะปล่อยสารพิษออกมาและซึมเข้าร่างกายของมัน เรากินเข้าไปจะเป็นผลร้ายแก่ร่างกายเรา ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดเราควรทานมังสวิรัติ อาหารมังสวิรัติย่อยง่าย ส่วนเนื้อสัตว์ย่อยช้ากว่า เมื่ออยู่ในร่างกายของเรานาน ก็อาจเกิดโรคหลายชนิดขึ้น ฉะนั้น การทานมังสวิรัติเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ และสมเหตุสมผลที่สุด
ส่วนศีล 5 คือ: ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม ไม่โกหก ไม่ดื่มสุราของมึนเมา การรักษาศีลช่วยให้การศึกษาบำเพ็ญทางด้านจิตวิญญาณและการทำสมาธิของพวกเราก้าวหน้าดีขึ้น
ศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต: เพื่อทำให้พวกเราไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทำลายทุกๆชีวิต แม้แต่สัตว์ตัวน้อยๆ เช่น มด แมลง จิ้งหรีด เราก็ไม่ควรฆ่ามัน ไม่ว่าฆ่าเจตนาหรือไม่ก็เป็นการสร้างกรรมเหมือนกัน พวกเราต้องประพฤติดีกับสรรพสัตว์ทั้งหมดด้วยความเมตตาอันสูงส่งของเรา
ศีลข้อที่ 2 ไม่ลักทรัพย์ ปล้นจี้: ตัวเราเองมีอะไรก็ใช้ตามที่เรามี เป็นพลเมืองที่ดี อย่าได้เอาของเขามาเป็นของเรา เราพูดมากก็เป็นการปล้นเวลาของคนอื่น บางทีพูดมากจนลืมนั่งสมาธินั่นก็คือขโมยเวลาตนเอง ศีลนี้เตือนให้พวกเราควรพอใจในสิ่งที่เรามี
ศีลข้อที่ 3 ไม่ประพฤติผิดทางกาม:คือหลีกเลี่ยงความคิดมิชอบทางกามในจิตใจของเรา พวกเราต้องดำรงชีวิตอย่างซื่อสัตย์ผัวเดียวเมียเดียว ไม่ให้เกิดความคิดไม่ดี แม้แต่คิดก็ไม่ให้เกิด
ศีลข้อที่ 4 ไม่พูดโกหก: เราต้องยอมรับความจริง ไม่หลอกลวงคนอื่นและตัวเอง เราไม่ควรโกหกไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม เพราะพูดโกหกมันไม่มีผลดีกับเรา
ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราของมึนเมา: กินเหล้าเข้าไปจะทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง ไม่ว่องไว พวกเราควรหลีกเลี่ยงการใช้สารมึนเมา ทั้งยาบ้า กัญชา เล่นการพนัน เล่นหวย และพวกสารกระตุ้นต่างๆ ศีลนี้รวมทั้งการสูบบุหรี่ อาจจะเป็นการยากหากเลิกสูบบุหรี่ในทันที พวกท่านอาจค่อยๆเลิกสูบจนหยุดไป
ผู้ศึกษาบำเพ็ญที่แท้จริงต้องรักษาศีลให้เข้มงวด พวกเราจงเพียรพยายามอย่าละเมิดศีลในการศึกษาบำเพ็ญของพวกท่านจึงจะเจริญก้าวหน้าได้เร็ว