ความมหัศจรรย์ของพระพุทธะที่มีชีวิต"     
 

     ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์โลกประสบมหันตภัยทางธรรมชาติมากมายหลายครั้ง ที่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและคร่าชีวิตผู้คนมากมาย โลกเรายิ่งพัฒนาทางวัตถุ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเศรษฐกิจมากขึ้นเท่าไร ทรัพยากรธรรมชาติก็ถูกรุกล้ำทำลาย เพื่อใช้เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์สำหรับมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น และดูเหมือนทุกวันนี้ มนุษย์กำลังได้รับผลที่พวกเขาได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายธรรมชาตินั้น ด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ใหญ่หลวงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง พายุต่างๆ แผ่นดินไหว สึนามิ ตัวอย่างภัยพิบัติครั้งใหญ่ๆในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ พายุไต้ฝุ่นไห่เยียนที่ถล่มฟิลิปปินส์เมื่อปี 2556 แผ่นดินไหวที่รุนแรงทั่วโลก สึนามิในมหาสมุทรอินเดียที่ส่งผลให้กับหลายประเทศในเอเชียรวมถึงประเทศไทยในปี 2547 (2004)และสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นในปี  2554 (2011)

     เหตุการณ์เหล่านี้ภายนอกอาจดูเหมือนเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ หากแต่ผู้ที่ศึกษาปฏิบัติธรรมจะทราบดีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นบนโลกนี้ล้วนเกิดจากเหตุและผล นั่นคือ เป็นไปตามกฎแห่งกรรม

     พระอาจารย์รูมามักกล่าวว่า “มนุษย์กลัวผลลัพธ์ แต่พระอริยะเจ้ากลัวที่ต้นเหตุ” เพราะพระอริยะเจ้าทราบดีว่าทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนอยู่ภายใต้เหตุและผล เมื่อเราหว่านเมล็ดพันธุ์ใด เราก็จะได้รับผลตามที่เราหว่านลง พวกพระอริยะเจ้าจึงไม่กล้าทำผิดใดๆ แต่มนุษย์มองไม่เห็นที่ต้นเหตุ จึงกลัวผลลัพธ์ กลัวกรรมที่จะตามมา พวกเขากลัวภัยพิบัติ สงครามต่างๆ แต่ไม่ได้คำนึงถึงต้นตอของมัน ส่วนมากมนุษย์จึงต้องงอมืองอเท้ายอมรับผลแห่งกรรมนั้นในชีวิตของตนเอง

       “ถ้าพวกท่านอยากหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรม พวกท่านต้องหลีกเลี่ยงเมล็ดของมัน พวกท่านต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดี แล้วพวกท่านจะได้รับผลที่ดีถ้าพวกท่านหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดี แล้วจะได้ผลที่ไม่ดีในเวลาต่อมา เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะสายเกินแก้”


      “ถ้าพวกท่านอยากหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรม พวกท่านต้องหลีกเลี่ยงเมล็ดของมัน พวกท่านต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดี แล้วพวกท่านจะได้รับผลที่ดีถ้าพวกท่านหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดี แล้วจะได้ผลที่ไม่ดีในเวลาต่อมา เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะสายเกินแก้”

    สายตาอันกว้างไกลของพระอาจารย์รูมามองได้ไกลเป็นพันๆปี ปัญญาพุทธะของท่านทราบได้ถึงเหตุและผลที่จะตามมา ท่านทราบดีว่ามนุษย์ที่ยังไม่รู้แจ้งนั้น เหมือนมีม่านมืดมนแห่งอวิชชาปกคลุมอยู่ พวกเขาก่อกรรมทำเข็ญ เพาะเมล็ดพันธุ์ไม่ดีมากมาย จากการรุกรานทำร้ายธรรมชาติ และพวกเขากำลังเก็บเกี่ยวผลจากเมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาหว่านอยู่

     ภารกิจของพระอาจารย์รูมานั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก นอกจากประทับจิตสู่ธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง สั่งสอนลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าด้านศึกษาบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ และเดินทางไปทุกแห่งหนเพื่อช่วยเหลือผู้มีบุญสัมพันธ์กับท่าน แล้วภารกิจสำคัญอีกอย่างของท่านคือการชำระล้างกรรมให้กับโลกนี้ ปัดเป่าเคราะห์กรรม ภัยพิบัติให้โลกมนุษย์ยังดำรงอยู่อย่างสันติสุข เป็นภาระที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่งสำหรับพระพุทธะที่มีชีวิตบนโลกนี้

     ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีบุญสัมพันธ์กับพระอาจารย์รูมา พระอาจารย์ได้ช่วยเหลือผู้คนและปัดเป่าภัยพิบัติให้กับภูมิภาคนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ไม่มีบุคคลภายนอกล่วงรู้นอกจากกลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิดผู้ที่ทราบว่าพระอาจารย์รูมาได้ทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องสันติสุขของประชาชนในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีบุญสัมพันธ์กับท่าน ทั้งไทย ลาว กัมพูชา พม่าและโดยเฉพาะเวียดนามอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านเอง

     เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2556 พายุไห่เยียนซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีกำลังรุนแรงเท่าที่บันทึกไว้ได้พัดถล่มภาคกลางของประเทศฟิลิปปินส์ สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 13 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และคร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 10,000 คน   ตามที่สหประชาชาติรายงานว่าราว 11 ล้านคนได้รับผลกระทบและอีกจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัย
 



พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยียนนำผลกระทบที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มีในประวัติศาสตร์มาสู่ภาคกลางของฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายน 2556
เครดิตภาพ: รอยเตอร์ 


    คาดจากทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุนี้ว่าจะเคลื่อนไปยังประเทศเวียดนามต่อ รัฐบาลเวียดนามประกาศเตือนภัยให้ผู้คนเตรียมรับมือกับพายุลูกนี้ แต่มันกลับเคลื่อนตัวเลียบชายฝั่งจนสลายกำลังกลายเป็นพายุโซนร้อนและเข้าฝั่งที่ภาคเหนือของประเทศเวียดนามโดยสร้างความเสียหายเพียงน้อยนิด โดยมีผู้เสียชีวิตเพียง 14 คนในช่วงเตรียมตัวก่อนพายุเข้า ในขณะที่มีการคาดการณ์ก่อนพายุเข้าว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวเวียดนาม 6.5 ล้านคนจากทั้งหมด 90 ล้านคน อันเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ทว่าเรื่องนี้ สำหรับลูกศิษย์ของพระอาจารย์รูมานั้นทราบดีว่านั่นคือปาฏิหาริย์อันเกิดจากพลังขจัดกรรมของพระอาจารย์รูมาที่ช่วยเหลือประเทศเวียดนามอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านอีกครั้งหนึ่ง

 

     ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนซึ่งพัดถล่มกลางประเทศฟิลิปปินส์ด้วยความแรงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นและคาดจากทิศทางการเคลื่อนที่ว่าจะขึ้นฝั่งที่กลางประเทศเวียดนามแต่กลับพัดเลียบชายฝั่งจนสลายกำลังกลายเป็นพายุโซนร้อนและขึ้นฝั่งที่ภาคเหนือของเวียดนามโดยไม่สร้างความเสียหายใดๆทั้งสิ้น


     สำหรับประเทศไทยเอง เมื่อปี 2557 พระอาจารย์รูมาได้ช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติหลายครั้ง โดยที่ไม่มีใครรู้ พระอาจารย์บอกว่าหลายครั้งที่ท่านหยั่งรู้ได้ด้วยญาณว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ไหน แต่ท่านไม่อยากบอกใคร เพราะถ้าบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ พระอาจารย์จึงได้แต่ช่วยทางภายในผ่านการทำสมาธิ และบอกให้ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างตั้งใจศึกษาบำเพ็ญ ทำสมาธิและอธิษฐานให้ประเทศชาติของตนและทั้งโลกสงบสุข ปราศจากสงครามและภัยพิบัติรุนแรงต่างๆ

     เมื่อวันที่ 10 เมษายน พระอาจารย์เดินทางมาเชียงใหม่จากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเวียงจันท์ประเทศลาว ท่านมายังศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็เดินทางด้วยเครื่องบินต่อไปยังอุดรธานีในวันที่ 11 เมษายน และนั่งรถข้ามไปเมืองเวียงจันท์ประเทศลาวในวันที่ 12 เมษายน 2557

  “ทำไมพระอาจารย์มาเชียงใหม่แล้วรีบไป ท่านอยู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลย ถ้าพระอาจารย์จะไปลาว ทำไมพระอาจารย์ไม่เดินทางจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาไปยังนครหลวงเวียงจันท์ของประเทศลาวโดยตรง?มันง่ายและประหยัดกว่าตั้งเยอะ”  ลูกศิษย์หลายคนอาจสงสัยเช่นนี้  แต่การกระทำของพระอาจารย์ทุกอย่างนั้นมีความหมายอันลึกซึ้ง พระอาจารย์มีเหตุผลของท่านที่พวกเราไม่อาจทราบได้ในขณะนั้น

     วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 6.3 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางที่ อ.พาน จ.เชียงราย มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 50,000 คน บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ถึงจังหวัดเชียงใหม่ และมีอาฟเตอร์ช็อคอีกเป็นพันครั้ง แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์มากที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (มีเพียงผู้เฒ่าอายุ 83 และ 91 ที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย ) ขณะนั้นพระอาจารย์รูมายังอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เมืองเวียงจันท์ ประเทศลาว  พวกเรารายงานให้พระอาจารย์ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวทันที

 


   
แผ่นดินไหวที่เชียงรายขนาด 6.3 ริกเตอร์สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆมากมายแต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิต

      พระอาจารย์รูมาเปิดเผยว่า ท่านได้ทราบก่อนแล้วว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่ภาคเหนือของประเทศไทย จึงได้เดินทางจากประเทศกัมพูชาไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันปัดเป่าภัยพิบัติ แต่เมื่อไปถึงแล้ว ท่านทราบด้วยปัญญาว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นแน่นอน ท่านไม่สามารถแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นได้แล้ว และท่านเห็นว่าจะเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องไปอีกที่จังหวัดอุดรธานีและนครเวียงจันท์ประเทศลาว ท่านจึงเดินทางต่อไปที่อุดรธานีและข้ามไปนครหลวงเวียงจันท์ทันที พระอาจารย์ออกจากประเทศไทยไปไม่ถึงหนึ่งเดือนก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น  ถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน วัดวาอารามและสิ่งปลูกสร้างมากมายรวมมูลค่าหลายล้านบาท แต่ทว่า สิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดคือชีวิตมนุษย์นั้นได้รับการปกป้องจากพระพุทธะแห่งยุคนี้ พวกเราชาวไทยขอขอบคุณพระอาจารย์รูมาอย่างสุดซึ้ง
 

     เมื่อวันที่ 23-27 กันยายน 2557 พระอาจารย์รูมาเดินทางไปภูเก็ตกับลูกศิษย์กลุ่มหนึ่ง การมาเยือนภูเก็ตของพระอาจารย์รูมาในครั้งนี้ ต่างจากการเดินทางของพระอาจารย์ครั้งก่อนๆ ไม่มีการเทศนาหรือเยี่ยมเ ยียนวัดหรือโรงเรียนที่ภูเก็ต ทว่า พระอาจารย์แต่งกายเหมือนนักท่องเที่ยว ไม่มีใครจำได้ว่าท่านคือพระพุทธะแห่งยุคปัจจุบัน แต่ไม่ว่าพระอาจารย์จะใส่ชุดอะไร นั่นเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น จิตวิญญาณภายในของท่านยังคงสว่างไสว เป็นพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งเช่นเดิม พระอาจารย์บอกว่าการมาที่ภูเก็ตของพระอาจารย์นั้นภายนอกดูเหมือนมาเที่ยวพักผ่อน แต่แท้จริงภายในนั้น ท่านมีภารกิจอันหนักหน่วงที่ต้องทำที่นั่น ท่านจำเป็นต้องสละจีวรสงฆ์ชั่วคราวและแต่งกายเหมือนคนธรรมดาเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตและครหา และเพื่อเป็นการสะดวกต่อการปฏิบัติภารกิจลับทางจิตวิญญาณของท่าน ที่โลกภายนอกไม่สามารถเข้าใจได้

     ที่ภูเก็ต พวกเราเช่าบ้านพักตากอากาศริมทะเลที่หาดราไวย์ ทุกวันพระอาจารย์พร้อมลูกศิษย์นั่งเรือไปเกาะต่างๆ ดำน้ำและทำกิจกรรมทางน้ำกับกลุ่มลูกศิษย์ชายทั้งวัน ดูเหมือนคณะที่มาเที่ยวพักผ่อนเหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไป แต่แท้จริงนั้นไม่มีใครสามารถเข้าใจการกระทำของพระอาจารย์ได้ พระอาจารย์บอกว่าบางครั้งเราเห็นท่านทำงาน แต่จริงๆแล้วไม่ได้ทำ บางครั้งเราเห็นพระอาจารย์เล่นสนุก หรือพักผ่อน แต่จริงๆแล้วพระอาจารย์กำลังทำงานอยู่ ท่านบอกว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าสั่งให้ท่านไปภูเก็ต เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่อันสืบเนื่องจากแผ่นดินไหวใต้ทะเล ดังเช่น มหันตภัยสึนามิที่ถล่มประเทศต่างๆในคาบสมุทรอินเดียเมื่อ 10 ปีที่แล้วในเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เป็นภัยพิบัติที่โลกยังจดจำได้ดี เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนกว่า225000คนใน 12 ประเทศ และคนไทย 8000 กว่าคนเสียชีวิตและสูญหาย

    ข้าพเจ้าถามพระอาจารย์ว่า ภาคใต้ของประเทศไทยนั้นทั้งสองฝั่งติดทะเล ทั้งอันดามันและอ่าวไทย พระอาจารย์ไปภูเก็ตแล้วอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นอย่างไร?พระอาจารย์บอกว่าฝั่งอ่าวไทยนั้นมีทะเลเชื่อมต่อกับเกาะกงที่กัมพูชาซึ่งติดกับชายแดนจังหวัดตราดของไทย ที่เกาะกงนั้นมีศูนย์ปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์รูมาอยู่และพระอาจารย์ท่านได้ไปชำระล้างชะตากรรมที่ทะเลด้านนั้นแล้ว เคราะห์หรือภัยพิบัติด้านนั้นจึงบรรเทาลง ด้านที่เป็นปัญหาคือฝั่งภูเก็ตและอันดามัน

       ข้าพเจ้าถามพระอาจารย์ต่ออีกว่า พระอาจารย์ต้องอยู่ที่ภูเก็ตนานไหมจึงจะสลายกรรมได้หมด พระอาจารย์ตอบว่า พระอาจารย์ไม่จำเป็นต้องอยู่นานเป็นเดือน จะกี่วันก็ได้เพียงแต่ขอให้พระอาจารย์ได้ไปเหยียบที่นั่น และการที่พระอาจารย์เล่นน้ำทั้งวันนั้นเป็นเพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าบอกให้ท่านอยู่ในน้ำให้มากที่สุด เพื่อสลายกรรมที่จะเกิดขึ้น

เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.3 ริกเตอร์ใต้ทะเลทางตอนใต้ของภูเก็ตเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2557
เป็นเวลา 1 เดือนพอดีหลังจากพระอาจารย์รูมากลับจากเกาะภูเก็ต

        เช้าวันที่ 27 ตุลาคม 2557 เมื่อได้ดูข่าวทางโทรทัศน์ว่าเกิดแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางขนาด 5.3 ริกเตอร์ที่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ห่างจากภูเก็ตไปเพียง 250 กม.และรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ที่ภูเก็ต ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมากเพราะนั่นเป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆหลังจากที่พระอาจารย์รูมาและคณะศิษย์เดินทางกลับจากเกาะภูเก็ต เมื่อสิ้นสุดภารกิจทางจิตวิญญาณในการปัดเป่าภัยพิบัติของพระอาจารย์รูมา

     เช้าวันนั้น หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนต่างลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าจะเกิดเหตุการณ์สึนามิหรือไม่ แต่ทุกคนต้องโล่งอกเมื่อไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภัยพิบัติแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะพลังของพระพุทธะที่มีชีวิตได้บรรเทาเคราะห์กรรม ในท้องทะเลบริเวณนี้ให้เบาบางลงแล้ว ข้าพเจ้าทราบว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป ทว่า สำหรับลูกศิษย์ผู้ประทับจิตจากพระอาจารย์รูมาที่ศึกษาบำเพ็ญตามทางที่พระอาจารย์ชี้แนะด้วยใจจริงจะทราบว่าโลกแห่งจิตวิญญาณนั้นมีความมหัศจรรย์ และปาฏิหาริย์ต่างๆเกิดขึ้นจริงด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธาจารย์ คนทั่วไปอาจเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล คนส่วนมากนั้นใช้สมองในการคิดวิเคราะห์ตามสิ่งที่พวกเขาเห็น ได้ยิน อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์และจากประสบการณ์และการตัดสินเฉพาะตัว พวกเขาอาจไม่เชื่อสิ่งที่มองไม่เห็นและพิสูจน์ไม่ได้ และมีความเชื่อส่วนบุคคลของตนเองอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งปรุงแต่งที่อาจปิดกั้นความจริงอันล้ำลึกไม่สามารถอธิบายได้

     แต่สำหรับพระพุทธาจารย์ ท่านใช้ตาปัญญาในการมองสิ่งต่างๆที่ลึกซึ้งทางจิตวิญญาณที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาปัญญานั้นชัดเจนกระจ่างใสอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆ สามารถมองได้ทั่วจักรวาลอันไร้ห้วงเวลา สามารถมองทะลุผ่านเปลือกภายนอกลงไปเห็นได้ถึงแก่นแท้ภายใน นอกจากนี้ พลังแห่งความรักความเมตตาของท่านนั้นยิ่งใหญ่ไพศาลดังเช่นมหาสมุทร ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระอาจารย์รูมาทำนั้นเพื่อมวลมนุษย์และทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้  เหล่าลูกศิษย์ผู้ได้รับประทับจิตจากพระอาจารย์รูมาต่างเคยได้รับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณอันเป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตน และพวกเรารับรู้ได้ถึงความรักความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้เงื่อนไขจากพระอาจารย์
 

     ข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ชาวไทยคนหนึ่งที่ได้ศึกษาบำเพ็ญตามธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง ได้ฟังธรรมะจากพระอาจารย์และติดตามพระอาจารย์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระอาจารย์สอนนั้นล้วนเป็นสัจธรรมทั้งสิ้น พระธรรมคำสอนของพระอาจารย์นั้นเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ เหมือนที่ท่านกล่าวว่า “พระธรรมที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ในคัมภีร์ แต่มันคือธรรมชาติเหมือนแสงแดดยามเช้าที่อบอุ่น เหมือนดอกไม้ผลิบาน เราพยายามเสาะหาสัจธรรมอันสูงส่ง แต่ เราก้มหน้ามองเงาของพระจันทร์ที่อยู่ในหนองน้ำ ไม่เงยหน้ามองพระจันทร์ดวงที่แท้จริงบนฟ้า” 

     คำสอนของพระอาจารย์รูมานั้นเรียบง่ายและแยบยลจนบางครั้งหลายคนคิดไม่ถึง แต่สัจธรรมที่แท้จริงเรียบง่ายเช่นนั้นเอง ทุกคนได้แต่มองหาสัจธรรมจากคัมภีร์ต่างๆ ร่ำเรียนตำราพระธรรม เพื่อหาหนทางสู่ความหลุดพ้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงเงาของพระจันทร์ในน้ำที่ไม่ใช่พระจันทร์ดวงที่แท้จริง หากเพียงแต่พวกเขามองเข้าไปภายในตัวเอง จะเข้าใจได้ด้วยปัญญาภายในถึงสัจธรรมที่แท้จริง และความรักความเมตตาจากสวรรค์ที่พระอาจารย์รูมาเผื่อแผ่ให้ทุกคนบนโลกใบนี้ สิ่งเหล่านี้รับรู้ได้จากจิตวิญญาณภายใน ด้วยการทำสมาธิ ไม่สามารถอธิบายเป็นภาษามนุษย์ ไม่สามารถอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ใดๆเพราะมันอยู่เหนือความคิดที่สมองมนุษย์สามารถวิเคราะห์ประมวลผลได้ ความรู้แจ้งไม่ได้มาจากการศึกษาร่ำเรียน หากแต่มาจากการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ แล้วพวกท่านจะรับทราบได้ถึงความมหัศจรรย์ภายใน

     พวกเราลูกศิษย์ชาวไทยผู้ศึกษาบำเพ็ญตามแนวทางที่พระอาจารย์ชี้แนะขอขอบคุณพระอาจารย์รูมาที่มอบความรักความเมตตาให้กับปวงชนชนชาวไทย ช่วยเหลือปัดเป่าภัยพิบัติให้กับประเทศไทยหลายครั้งหลายครา หากไร้ซึ่งพระพุทธะที่มีชีวิตบนโลกนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความเลวร้าย ภัยพิบัติ ความทุกข์โศกของมนุษย์ ข้าพเจ้าไม่สามารถหาคำพูดใดมาบรรยายความซาบซึ้งใจที่พวกเราลูกศิษย์พระอาจารย์ที่ปฏิบัติธรรมวิถีแห่งแสงและเสียงมีต่อพระอาจารย์ได้ ขอขอบคุณพระอาจารย์รูมา ขอบคุณสวรรค์ที่ให้พวกเราได้มีโอกาสพบและศึกษาธรรมวิถีที่สูงสุดนี้ได้ ขอบคุณพระพุทธาจารย์รูมาด้วยความรักและเคารพอย่างสูง