เทศนา
     สวัสดี ยินดีที่ได้พบพวกท่านอีกครั้งหนึ่ง วันนี้พระอาจารย์มีล่ามอีกคนหนึ่ง หวังว่าการแปลวันนี้จะชัดเจนดี พระอาจารย์ชอบล่ามที่มาคราวที่แล้ว เขามาครั้งที่แล้วแต่วันนี้เขาไม่ว่าง พระอาจารย์เลยต้องหาล่ามสำรองอีก 5 คน ไม่รู้ว่าคนนี้จะดีไหม
     ก่อนที่พระอาจารย์จะพูดอะไร ขอให้พวกเราหลับตาลงอธิษฐาน  ต่อประเทศชาติของเรา พวกเราขออธิษฐานให้พระพุทธเจ้าคุ้มครอง  ให้พวกเรามีแต่สันติสุข ไม่มีสงครามใดๆ ตอนนี้ขอให้พวกท่าน    หลับตาลงอธิษฐานต่อพระพุทธะภายในที่พวกท่านเชื่อถือ
     ขอบคุณที่สละเวลามาในวันนี้ วันเสาร์เป็นวันที่พวกท่านหยุดพักผ่อนใช่ไหม หรือวันนี้เป็นวันอาทิตย์? เหมือนที่ประเทศอเมริกาหรือที่เมืองวอชิงตัน ดีซี วันอาทิตย์ทุกคนจะไปโบสถ์แล้วสวดอธิษฐาน พวกเขาบอกว่าทั้งสัปดาห์ 6 วันพวกเราทำงานและใช้เวลาไปสำหรับเรื่องทางโลก ดังนั้นวันนี้เป็น 1 วันที่พวกเรามานั่งรวมกันและสวดอธิษฐาน พระอาจารย์มาที่นี่ไม่ได้มาสอนพวกท่าน แต่พระอาจารย์มาที่นี่เพื่อมาปลุกพระพุทธะภายในของพวกท่าน เพราะว่าพระพุทธะภายในของพวกท่านหลับใหลมาเป็นเวลานาน พระพุทธเจ้าจากพวกเราไปนานแล้ว พวกเราอยู่ที่นี่ตามลำพัง ไม่มีใครนำทาง
     ทุกคนมีอารามที่สวยงามและมีพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ภายใน แต่พวกเราลืมไป พวกเราลืมที่จะฟังพระพุทธองค์ นั่นคือสาเหตุที่พระอาจารย์ต้องมาปลุกพวกท่านและทำให้พวกท่านเป็นพระอาจารย์ หรือทำให้พวกท่านเป็นพระพุทธะ พระอาจารย์เป็นกุญแจไขประตูสู่ดินแดนแห่งพระพุทธะ  นั่นคือสาเหตุที่พวกเรามีพระพุทธเจ้า พระองค์มาจากดินแดนแห่งพระพุทธะอันไกลโพ้น สูงลิบ เพื่อมาถ่ายทอดสัจธรรมและพระธรรมคำสอนอันสูงส่งแก่พวกเรา พระพุทธะคือความงาม พลัง ความรักและความเมตตา เพราะว่าพวกเราลืมไป พวกเรามัวแต่ยุ่ง ทุกวันพวกเราไม่ฟังพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็ยังคงฟังเรา พวกท่านจะฟังพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? เพราะว่าทุกวันพวกเรายุ่งกับการสวดอธิษฐาน พวกเรายุ่งแต่เรื่องที่ทำงาน แต่พวกเราลืมไปว่าพระพุทธเจ้าอยู่ใกล้พวกเราทุกวัน พวกเรามีชีวิตที่สวยงามและพวกเราไม่เคยทุกข์ เหมือนสมัยพระพุทธกาลเมื่อกว่า 2000 ปีในอินเดีย
      ตัวอย่างเช่น ทุกวัน ทุกคนสวดอธิษฐานและไม่ฟังพระพุทธเจ้า นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเราไม่เคยได้ยินเสียงจากพระพุทธองค์ที่พูดกับพวกเรา แต่พระองค์ก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลาบนดินแดนของเราและบนโลกของเรา สำหรับมนุษย์ พวกเรามีภาษามนุษย์ในการสื่อสารซึ่งกันและกัน แต่พระพุทธเจ้าช่วย พวกท่านจะเรียนภาษานี้จากพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? พวกเราเรียนได้ แต่ต้องหาพระอาจารย์ทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ผู้มีกุญแจของพระพุทธเจ้า ตัวอย่างเช่น พระอาจารย์พูดภาษาอังกฤษได้ก็สอนภาษาอังกฤษพวกท่านได้ ใช่ไหม? ง่ายมาก ท่านถามใครๆก็ได้ ท่านพูดกับเขา 2-3 คำก็รู้แล้วว่าเขสพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่า แล้วเขาก็สอนภาษาอังกฤษให้พวกท่านได้ ง่ายมาก ไปที่ดินแดนแห่งพระพุทธะหรือเข้าใจภาษาของพระพุทธะก็ไม่ยาก มันง่ายมากๆ พระอาจารย์เรียนมาแล้ว พระอาจารย์รู้ว่าบ้านของพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนและพระอาจารย์ก็มีกุญแจเข้าบ้าน พระอาจารย์จะบอกพวกท่านตรงๆก็ได้แต่เพราะว่าสัจธรรมมันยากที่จะอธิบาย
     อาจารย์นั้นหายากมากบนโลกนี้ อาจารย์เป็นผู้ถือสารจากพระพุทธเจ้า พวกเขาถือกุญแจสำหรับพวกลูกๆของพวกเขาที่หลงทางกลับบ้าน เพราะว่าพระพุทธเจ้าจากไปนานกว่า 2000 ปีแล้ว ไม่มีใครเก็บกุญแจไขประตูบ้านพระพุทธเจ้าแก่ท่าน และพวกเราก็ติดอยู่ที่นี่ พวกเราเกิดใหม่ พวกเราเกิดแล้วก็ตายที่นี่ พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อจบบทสุดท้ายของชีวิต นั่นคือความตาย ไม่มีใครเตรียมตัวสำหรับบทส่งท้ายของชีวิต ทุกวันแค่เตรียมพร้อมเรื่องเงิน พวกท่านเตรียมสะสมเงินเพื่อเกษียณเท่านั้น ไม่มีใครเตรียมพลังแห่งความรักกับพระพุทธเจ้า ซึ่งในบทสุดท้ายของชีวิตเรา พระองค์จะกลับมาพาเราไปสู่ดินแดนแห่งพระพุทธะ
     พระอาจารย์มีเพื่อนชาวลาวคนหนึ่ง เขามายังที่พักของพระอาจารย์ เขาถามพระอาจารย์ว่าทำไมพระอาจารย์ทำงานไปด้วยเป็นพระไปด้วย เขาถามพระอาจารย์ว่าทำอย่างไรพระอาจารย์จึงมีเงินเดินทางไปทั่วโลก เพราะว่าเขาเห็นว่าไม่ว่าเงินเท่าไรที่พระอาจารย์หาได้ พระอาจารย์ก็ใช้เพื่อบริจาคให้คนยากจน ให้ลูกศิษย์และให้วัดต่างๆ พระอาจารย์บอกเขาว่า “เงินเหล่านี้มาจากพระพุทธเจ้าไม่ใช่จากพระอาจารย์ พระพุทธเจ้าให้พระอาจารย์และพระอาจารย์ก็ส่งต่อไปให้กับลูกหลานของพระองค์” เขาถามว่า “ทำไมพระอาจารย์ไม่เก็บไว้สำหรับตัวเอง เป็นเงินสำหรับเกษียณอายุตอนแก่” พระอาจารย์ตอบเขาว่า “ไม่จำเป็นหรอก เพราะว่าบ้านสำหรับเกษียณของพระอาจารย์อยู่บนสวรรค์อยู่ในดินแดนแห่งพระพุทธะ พระอาจารย์เตรียมบ้านบนนั้นไว้พร้อมแล้ว”
     เขายังถามคำถามเดิมต่อไปอีก “บ้านพระอาจารย์อยู่ที่ไหน” พระอาจารย์ตอบว่า “บ้านพระอาจารย์ไม่อยู่ที่นี่ บ้านพระอาจารย์อยู่ที่สวรรค์ ดินแดนแห่งพระพุทธะ” เขายังสงสัย “จริงเหรอ? ขอดูบ้านพระอาจารย์หน่อยได้ไหม?” พระอาจารย์บอกเขาว่า “แหม คิดว่าจะเห็นบ้านสวยๆของพระอาจารย์ได้ง่ายๆงั้นหรือเธอต้องมีกุญแจเข้าบ้าน” แล้วเขาก็พูดเล่นว่า “แล้วพระพุทธเจ้าอยู่ในบ้านของพระอาจารย์ด้วยหรือเปล่า?” พระอาจารย์ตอบว่า “ใช่แล้ว เหล่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างอยู่ในดินแดนของพระอาจารย์” เขาถามต่อไปว่า “พระอาจารย์สอนภาษาพระพุทธเจ้าให้ผมได้ไหม? และให้กุญแจเข้าบ้านพระพุทธเจ้าแก่ผมได้ไหม?” พระอาจารย์บอกว่า “แน่ใจหรือว่าอยากได้กุญแจและอยากเรียนภาษาพระพุทธเจ้า”
 

     เขาบอกว่า “ขอกุญแจได้ไหม? พระอาจารย์มีกุญแจสำรองไหม” พระอาจารย์บอกว่า “มี พระอาจารย์มีกุญแจหลายดอกเลยที่จะไขประตูบ้านพระพุทธเจ้า เธออยากจะมาไหม อยากได้กุญแจหรือ พระอาจารย์ยินดีต้อนรับแต่เราต้องรอดูก่อน” แล้วพระอาจารย์ก็แกล้งบอกว่า “ถ้าอยากได้กุญแจกลับบ้านสู่ดินแดนแห่งพระพุทธะ เธอต้องติดตามพระอาจารย์นะ” พระอาจารย์ถามว่า “อยากติดตามพระอาจารย์ไหม?” เขาบอกว่า “ได้ แต่ผมต้องจ่ายเงินให้พระอาจารย์หรือเปล่าก่อนที่พระอาจารย์จะมอบกุญแจให้?” พระอาจารย์บอกว่า “ไม่หรอก พระอาจารย์ไม่รับเงินเธอหรอก” เขาแปลกใจมาก ถามว่า “ว้าว จริงหรือครับ ง่ายอย่างนั้นเชียว ผมได้ยินว่าพระอาจารย์ต้องไปอินเดีย แดนประสูติและตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และพระอาจารย์ต้องเสาะหาสัจธรรมเพื่อบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณและกลายเป็นพระพุทธะที่นั่น พระอาจารย์จะให้กุญแจผมง่ายๆน่ะหรือ?”
     แล้วพระอาจารย์ก็บอกเขาว่า “ใช่แล้ว ง่ายมาก เพราะว่าพระอาจารย์ได้รับกุญแจมาฟรีจากพระอาจารย์ทางจิตวิญญาณที่อินเดีย ดังนั้นพระอาจารย์ก็จะมอบให้เธอฟรีๆ” ผู้ชายคนนั้นยังกังวลอยู่ “แล้วมีอะไรอีกไหม?” พระอาจารย์บอกว่า “มีสิ อย่างแรกเธอต้องถือศีลห้า เธอรู้จักศีลห้าไหม ในพระพุทธศาสนาเรามีศีลห้า ศีลสิบใช่ไหม” แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่า “เธอทำได้ไหม? เขาตอบว่า “ได้ครับ”

     พระอาจารย์ก็กล่าวต่อไปว่า “เธอทานมังสวิรัติได้ไหม? เธอเลิกสูบบุหรี่ได้ไหม? เธอนั่งสมาธิวันละ 2.5 ชั่วโมงได้ไหม? เธอทำได้ไหม?” เขาก็บอกว่า “โอ้ พระเจ้า ผมยังชอบกินสเต๊กเนื้อโคขุน ผมยังชอบกินเนื้อสัตว์ ผมสูบบุหรี่มากว่า 30 ปีแล้ว ผมจะเลิกสูบบุหรี่และเลิกทานเนื้อสัตว์ได้อย่างไร?” พระอาจารย์บอกเขาว่า “พระอาจารย์ไม่ได้บอกให้เลิกทานเนื้อสัตว์แต่ถ้าเธอยังทานเนื้อสัตว์อยู่ พอกลับบ้านไปยังดินแดนแห่งพระพุทธะ ที่นั่นไม่มีเนื้อสัตว์ให้ทาน บนโน้นไม่มีการฆ่าฟันกัน พวกเราอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีแต่ความรักเท่านั่น”
     เขายังลังเลอยู่จึงบอกว่า “ให้ผมคิดดูก่อนได้ไหม?”
     พระอาจารย์ก็เสริมว่า “ห้ามให้ยาเสพติดและดื่มแอลกอฮอล์ด้วย พระอาจารย์ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านี้ มีแต่อาหารมังสวิรัติเท่านั้น” เขาร้องว่า “ตายแล้ว นี่มันยากมากสำหรับผมที่จะเลิกพวกนี้” พระอาจารย์จึงบอกว่า “ถ้าเธออยากไปดินแดนแห่งพระพุทธะ เธอต้องยอมรับทุกอย่างที่พระอาจารย์บอกไป” แต่เขายังเถียงพระอาจารย์ต่อไปอีก “ได้โปรดเถอะพระอาจารย์ ได้โปรดสอนวิธีให้ผมติดต่อกับพระพุทธเจ้าด้วยเถิด เพราะว่าผมมีเรื่องปวดหัวต่างๆนานามากมาย ผมอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่เคยได้ผล ผมเคยบวชเป็นพระมากว่า 20 ปีก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตแต่งงาน แต่ผมไม่สบายใจกับชีวิตแต่งงาน” พระอาจารย์จึงบอกว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอสามารถเรียนให้เข้าใจคำพูดของพระพุทธเจ้าก็ได้” เขาถามว่า “การรู้เจ้งเป็นอย่างไรครับ?” พระอาจารย์บอกเขาว่า “มันง่ายมาก การรู้แจ้งนั้นแค่ 123 เร็วมาก 1 วินาทีเธอก็สามารถเห็นพระพุทธเจ้าได้ทันที ในขณะที่เธอประทับจิต”
     เขาถามว่า “ถ้าตอนที่พระอาจารย์ประทับจิตให้ผมให้เห็นพระพุทธเจ้า แล้วผมจะรู้แจ้งได้ทันทีเลยหรือครับ?” “ใช่แล้ว” พระอาจารย์ตอบ “พระอาจารย์สามารถเปิดประตูบ้านพระพุทธเจ้าให้เธอก้าวเข้าไปและเห็นว่ามันสวยงามแค่ไหนมันง่ายมาก เหมือนวัดที่นี่พอท่านเจ้าอาวาสล็อคประตู พระอาจารย์ก็เข้ามาไม่ได้และก็ไม่รู้ว่าจะเปิดไฟที่ไหน แต่ท่านเจ้าอาวาสมีกุญแจที่จะเปิดวัดให้พวกเราเข้ามา ท่านรู้ว่าจะเปิดไฟวัดได้ที่ไหน แล้วท่านก็แค่มาที่นั้นและเปิดไฟ ทั้งวัดก็สว่างไสว นั่นคือการรู้แจ้ง” เขาก็ยังสงสัยอยู่ “มันง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ? ผมจะเห็นพระพุทธเจ้าได้ทันทีเลยหรือ?”
 
 

     พระอาจารย์บอกว่า “ใช่ เหมือนกับวัดของเธอ ตอนเย็นท่านเจ้าอาวาสเปิดประตูและเปิดไฟ แล้วเธอก็เห็นพระพุทธรูปที่ประ
ดิษฐานอยู่ที่นั่นได้เลย พระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่นตลอดเวลา พระองค์รอพวกเรากลับบ้านทุกวัน พระองค์เรียกพวกเธอทุกวัน แต่เพราะว่าเธอวางสาย เธอตัดสายโทรศัพท์ต่อพระพุทธเจ้า เหมือนมือถือของเธอแบตหมดและไม่มีสัญญาณ”
     พระอาจารย์บอกเขาว่า “มันง่ายมากเพราะว่าพระอาจารย์เป็นคนติดตั้งโทรศัพท์ให้และเธอก็สามารถโทรหาพระพุทธเจ้าได้และพระองค์จะมาในหนึ่งนาทีหรือแค่วินาทีเดียว เพราะว่าเธอขาดการติดต่อกับพระพุทธเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว เธอลืมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และไปที่ไหน เกิด ใช้ชีวิตแล้วก็ตาย เธอไม่รู้ว่าบทต่อไปจะเป็นเช่นไร เธอลืมพระพุทธะหรืออารามอันสวยงามภายในตัวเรา เธอลืมไปว่าพระพุทธเจ้าผู้งดงามรอคอยพวกเราอยู่ตลอดเวลา พระองค์เรียกและพูดคุยกับพวกเราทุกวัน ทุกวินาที” หลังจากนั้น พระอาจารย์ก็บอกเขาว่า “พระอาจารย์ยินดีต้อนรับใครก็ตามที่ขาดการเชื่อมต่อกับพระพุทธเจ้าให้มาหาพระอาจารย์แล้วพระอาจารย์จะสอนพวกเขาให้กลายเป็นพระพุทธะ นั่นคืองานของพระอาจารย์ งานของพระอาจารย์คือการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ให้เธอคุยกับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มาเป็นอาจารย์ของเธอ แต่ทำให้เธอเป็นอาจารย์ สอนเธอให้รู้จักหนทางกลับบ้าน สอนเธอให้จิตวิญญาณภายในรู้จักหนทางสู่อิสรภาพ เพราะว่าเธอไม่มีอิสระ เธออยู่ในกรงเหมือนนกในกรงด้วยวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด เธอไม่รู้ว่าเธอสามารถอยู่อย่างอมตะ กัลปาวสาน ชั่วนิจนิรันดร”
 

     เวลาพระอาจารย์หมดแล้ว มาอธิษฐานด้วยกันเถอะ พวกท่านใช้ภาษาของท่าน พระอาจารย์ใช้ภาษาของพระพุทธะภายใน พระพุทธเจ้ามีภาษาเดียวเท่านั้นในการสื่อสารกับมวลมนุษย์ แต่ไม่มีปัญหา พวกเราใช้ภาษาที่ต่างกันแต่พระพุทธเจ้าจะเข้าใจ
ขอให้พวกท่านอธิษฐานให้มนุษย์ผู้กำลังตกทุกข์ได้ยาก ขอให้โลกสงบสุข ขอให้ประเทศลาวได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่จากพระพุทธเจ้าและขอให้เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข สันติ ได้รับความรักความเมตตาจากพระบิดา เอาละขอบคุณที่ฟังพระอาจารย์นะ
 

     พระอาจารย์ขอขอบคุณท่านเจ้าอาวาส คณะครูและเหล่านักเรียนสงฆ์ ณ โรงเรียนแห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง  พระอาจารย์ขอขอบคุณผู้คนและพระสงฆ์ที่มาที่นี่ พระอาจารย์ขออธิษฐานให้ประเทศของพวกท่าน ให้โลกมีแต่สันติสุขทุกวัน ไม่มีสงคราม มีแต่ความรักซึ่งกันและกัน พระอาจารย์นำภาพวาดของพระอาจารย์เองมาหนึ่งภาพเท่านั้นแต่พวกลูกศิษย์อยากได้ แต่พระอาจารย์มีภาพเดียว พวกเขาจึงจะประมูลกัน แล้วเงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะมอบให้ท่านเจ้าอาวาสเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนแห่งนี้ พระอาจารย์มีภาพเดียวที่นี่ตอนนี้ แต่มีภาพอื่นๆอีกที่ยังอยู่ในเวียดนามและกัมพูชา
 

     นี่คือภาพวาดของพระอาจารย์ พระอาจารย์วาดจากใจเลยนะ พระอาจารย์ให้ชื่อว่า “รวงข้าวจากสรวงสวรรค์” เอาละเราจะเห็นกันว่าใครจะชนะประมูลด้วยราคาที่สูงสุดสำหรับภาพวาดนี้ เงินที่ได้จะมอบให้วัด พระอาจารย์จะบอกให้ว่าภาพวาดของพระอาจารย์ราคาไม่ถูกหรอก เดี๋ยวจะเห็นกัน

 “รวงข้าวจากสรวงสวรรค์”

     ตั้งแต่สมัยก่อน ชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ตามชนบทต่างคุ้นเคยกับ
ชีวิตที่ต้องทำงานหนัก ด้วยการเป็นเกษตรกรทำนา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  อันเป็นขนบธรรมเนียมของชาติมายาวนานซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ประเทศมีความร่ำรวยมากว่า 4000 ปี การเกี่ยวข้าวมีบทบาทสำคัญไม่ใช่แค่ทางกายภาพแต่ยังมีบทบาทสำคัญทางด้านจิตวิญญาณของชุมชนเวียดนาม การทำนาช่วยให้พวกเขาเปิดใจเพื่อสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ชาวนามักจะเป็นคนซื่อๆไม่ค่อยทะเยอทะยานเท่าไร 
ซึ่ง
ทำให้พวกเขาอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้มีพระภาคเจ้าและพระพุทธเจ้า พวกเขามีความศรัทธาต่อสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้พวกเรา  เมล็ดข้าวอวบแน่นสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรุ่งเรือง ความสุขและจิตใจที่สงบของชาวนา เหล่าครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตต่างสอนพวกเราว่าพวกเราหว่านเมล็ดอะไรก็ได้รับผลเช่นนั้น เมล็ดข้าวอวบอ้วนที่
เปี่ยมด้วยพลังชีวิตแสดงให้เห็นถึงสันติสุขและความร่ำรวยของผู้คนทั้งหลาย เหล่าเทพยดาได้หว่านเมล็ดข้าวแห่งจิตวิญญาณบนโลกมนุษย์ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยผู้คนให้มีชีวิตที่มีความสุขและเจริญรุ่งเรือง แต่ยังช่วยตอกย้ำรากฐานแห่งศีลธรรมบนโลกนี้ด้วย
     ภาพวาดชื่อ “รวงข้าวจากสรวงสวรรค์”เป็นของขวัญทางจิตวิญญาณอันล้ำค่าของพระอาจารย์รูมา พระพุทธะแห่งยุคศตวรรษที่ 21 ที่ได้มอบให้กับโลกของเรา “รวงข้าวจากสรวงสวรรค์” เป็นความกรุณาที่เปี่ยมด้วยความรักและแสงสว่างที่สาดส่องให้พรแก่ชาวโลก ย้ำเตือนพวกเราให้รักษาและปกป้องเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณเหล่านี้ เพื่อให้รากฐานแห่งศีลธรรมและจิตวิญญาณบนโลกดำรงอยู่ตลอดไป
     “นี่คือรวงข้าวแห่งสรวงสวรรค์ที่เรามอบให้แก่โลก
     ด้วยการดำรงอยู่ของมันจะทำให้ไม่มีความหิวโหยบนโลกนี้
     ถึงเวลาที่เรากลับบ้านหลังหมดภาระหน้าที่
     จากโลกนี้ไปรวงข้าวแห่งสรวงสวรรค์
     ไม่มีอะไรนำกลับไปด้วย
     รวงข้าวแห่งสรวงสวรรค์เราทิ้งไว้ให้มวลมนุษย์พร้อมกับความหวัง
     พวกท่านจะอิ่มหนำสำราญจากต้นข้าวของเรา
     เสียงศักดิ์สิทธิ์นำพามวลมนุษย์ข้ามผ่านทะเลทุกข์
     เช่นเดียวกับรวงข้าวแห่งสรวงสวรรค์
     ช่วยให้ผู้คนไม่ต้องอยู่อย่างขดสนอีกต่อไป”
 
     บทกวีนิพนท์พระอาจารย์รูมา
  
เงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะถูกถวายให้กับท่านเจ้าอาวาสเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนนี้ทั้งหมดมาจากใจของพระอาจารย์ ครั้งต่อไปพระอาจารย์จะทำเช่นนี้และถวายให้โรงเรียนอีก แล้วพวกเราจะได้มีเงินสร้างวัดสร้างโรงเรียนสวยๆที่นี่ในอนาคต พระอาจารย์ไม่มีอะไรนอกจากภาพวาดและทุกอย่างมาจากลูกศิษย์ของพระอาจารย์ตามที่พวกเขาชอบ พวกเขาชอบภาพวาดของพระอาจารย์พวกเราจึงมีเงินมามอบให้แก่ท่านเจ้าอาวาสและนักเรียนสงฆ์ ขอบคุณมากที่อดทนฟังและมากันที่นี่ในวันนี้และสวดอธิษฐานร่วมกัน
 

     ในวันนี้พวกลูกศิษย์ของพระอาจารย์ทำอาหารมังสวิรัติมาถวายเพล เป็นอาหารจากใจของพระอาจารย์และเปี่ยมด้วยพรจากพระพุทธเจ้า เป็นอาหารพื้นเมืองจากอินเดีย พระอาจารย์หวังว่าพวกท่านจะชอบนะ ขอบคุณมาก พระอาจารย์อธิษฐานให้พระพุทธเจ้าคุ้มครองและให้พวกท่านศึกษาร่ำเรียนต่อไป แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณ