ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2557 ประเทศกัมพูชาโชคดีที่ได้เป็นที่พักของพระอาจารย์รูมา อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานฉลองตรุษจีน/ปีใหม่เวียดนาม และค่ายกรรมฐานพิเศษที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ณ กรุงพนมเปญ ถึงแม้ว่าพระอาจารย์จะยุ่งกับภาระมากมายในการสั่งสอนลูกศิษย์และปรับปรุงพัฒนาศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อรองรับผู้ปฏิบัติธรรมให้มานั่งสมาธิได้มากขึ้นและสะดวกสบายขึ้น แต่หูทิพย์ของพระอาจารย์ก็ยังได้ยินเสียงคร่ำครวญของผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากในชนบทที่ห่างไกลของกัมพูชา พระอาจารย์ได้สั่งให้ลูกศิษย์จัดเตรียมการเดินทางไปยังเกาะกงเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่นั่นทั้งด้านวัตถุและด้านจิตวิญญาณทันที

Master Ruma Koh Kong Temple

          เกาะกงเป็นจังหวัดชายทะเลในกัมพูชาติดกับจังหวัดตราดในประเทศไทย และมีภูมิทัศน์ที่เหมือนกับชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทย เกาะกงมีพื้นที่ 11,160 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอาศัยอยู่ 23,168 หลังคาเรือนและมีประชากรทั้งสิ้น 139,722คน ถึงแม้ว่าเกาะกงจะอยู่ติดกับประเทศไทยและเคยเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยเมื่อสมัยก่อน แต่ก็ด้อยพัฒนากว่าประเทศไทยมาก ชาวบ้านที่นี่ยากจนมาก 45% ของประชากรทั้งหมดอยู่ในระดับยากจน ส่วนมากทำอาชีพประมง มีชาวบ้านเป็นพันคนอาศัยอยู่บนบ้านใต้ถุนสูงบนน้ำทะเลตามชายฝั่งเกาะแก่งต่างๆ สิ่งที่ต่างจากประเทศไทยที่น่าสนใจคือ จังหวัดนี้มีลักษณะพิเศษที่มีประชากรและวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งคนไทยนับถือพุทธ ชาวเวียดนาม ชาวกัมพูชามุสลิมและชาวกัมพูชานับถือพุทธ

        ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 มีนาคม พระอาจารย์รูมาพร้อมทั้งลูกศิษย์นานาชาติไปเยือนวัดโจทันเฮียนที่จังหวัดเกาะกง มีพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่วัดนี้พร้อมทั้งพระสงฆ์จากวัดใกล้เคียงจำนวน 120 รูปพร้อมกับอุบาสกอุบาสิกากว่าร้อยคนให้การต้อนรับพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบัน แขกพิเศษในงานนี้มี พณ ท่าน เมือน สมร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และนาย ยง เซา วุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกัมปงชนัง

          หลังจากที่เชิญพระอาจารย์นั่งลงแล้ว เจ้าอาวาสของวัดโจแทนเฮียนกล่าวต้อนรับพระอาจารย์ด้วยความยินดี “วันนี้พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้มีโอกาสต้อนรับพระอาจารย์รูมาพร้อมทั้งศิษยานุศิษย์ที่ได้เดินทางไกลมาเยี่ยมวัดของเรา และยังให้การสนับสนุนการพัฒนาวัดและอุปถัมภ์พระสงฆ์ของวัดนี้ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งต่อน้ำใจของพวกท่านยิ่งนัก ตอนนี้ขอกราบนมัสการพระอาจารย์รูมาพูดคุยกับเราครับ

          พระอาจารย์รูมากล่าวว่า พระอาจารย์เป็นตัวแทนของพระพุทธะสิบทิศ นำความรักความเมตตา คุณธรรมอันสูงส่งจากสวรรค์มาแบ่งปันกับพระสงฆ์และชาวบ้านที่นี่ พระอาจารย์ขอบคุณสองประเทศที่ท่านมีความผูกพันด้วย นั่นคือ ประเทศกัมพูชาอันเป็นประเทศที่ท่านเติบโตขึ้น และประเทศเวียดนาม ประเทศแม่ของท่าน พระอาจารย์ได้เดินทางไปทั่วโลก แต่เมื่อท่านได้กลับมาที่กัมพูชาและเห็นว่าประเทศนี้ยังคงธำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้อย่างมั่นคง พระอาจารย์รู้สึกภูมิใจมาก

 

          พระอาจารย์กล่าวว่า พระอาจารย์ขอโทษด้วยที่ท่านพูดภาษาเขมรไม่ได้เพราะว่าท่านได้ออกจากประเทศนี้ไปเมื่อยังเล็ก ท่านพูดภาษาเวียดนามได้เพราะว่าท่านเคยเป็นล่ามให้ผู้อพยพชาวเวียดนามที่ค่ายผู้อพยพทั่วโลก พระอาจารย์กล่าวว่า “ภาษานั้น เข้าใจยาก แต่เข้าใจผิดง่าย ภาษามนุษย์นั้นมีข้อจำกัด และอาจทำให้คนเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน และอาจก่อให้เกิดสงครามเพราะอุปสรรคทางภาษา เพราะฉะนั้น ภาษาอาจเป็นสิ่งที่นำเคราะห์ร้ายมาให้มวลมนุษย์

            มีเพียงภาษาเดียวที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ นั่นคือภาษาพุทธะ มันคือความรักความเมตตาเพื่อเปิดปัญญาและได้ตระหนักถึงพระพุทธะภายใน เมื่อเราเข้าใจภาษาสวรรค์นี้แล้ว เราจะไม่ต้องโชคร้ายอีก ตัวอย่างเช่น พวกท่านเป็นพระสงฆ์ พวกท่านออกไปบิณฑบาต พวกท่านไม่ต้องดูดอะไรสักคำ แต่ทุกคนที่มองเห็นจีวรของท่านต่างก็รู้ว่าท่านต้องการอะไร ดังนั้น นี่คือภาษาแห่งความเมตตา พลังลึกล้ำจากปัญญาของเรา พลังจิตวิญญาณนี้สามารถกำจัดรากเหง้าของอวิชชาและรากเหง้าของกรรมได้ พระพุทธองค์ทรงเดินทางไปทั่วทุกที่โดยไม่ได้ตรัสอะไร พระองค์เพียงแค่ใช้สายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาของพระองค์ และทุกคนต่างเข้าใจความหมายของสารที่พระองค์ต้องการสื่อ ถึงแม้จะเป็นช่วงก่อนที่มีการรวบรวมพระธรรมคำสอนของพระองค์ในพระไตรปิฎกก็ตาม

           “ถ้าเราใช้ความรู้จากสมองนี้ มันจะแคบมาก ถ้าเรายังไม่รู้แจ้ง เราไม่เห็นความยิ่งใหญ่ภายในของเรา ทุกคนมีความรักความเมตตาและคุณธรรมอันสูงส่งอยู่ภายในของเรา พวกเรามีรากแก้วแห่งปัญญาอยู่ภายใน” พระอาจารย์รูมากล่าว

          มีชาวบ้านเกาะกงถามพระอาจารย์ว่า ทำไมเมื่อจังหวัดเกาะกงเต็มไปด้วยศักยภาพในการพัฒนา มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่ผู้คนที่นี่ยังยากจนและมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก พระอาจารย์รูมากล่าวว่า การที่ผู้คนเป็นทุกข์นั้นเนื่องจากพวกเขายังไม่รู้จักหนทางที่หลุดพ้นจากความทุกข์ พวกเขาไม่รู้จักหนทางสู่อิสรภาพ พวกเขายังไม่เคยพบพระอาจารย์ที่รู้แจ้งอย่างแท้จริงผู้ที่สามารถนำพาพวกเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้ วันนี้ พระพุทธะที่มีชีวิตได้มาที่วัดนี้และได้พบคนที่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน เพื่อชี้แนะหนทางหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวลในโลกนี้

           “ถ้าพวกเราได้พบกัน นั่นหมายความว่าเราเคยพบกันมาก่อน อดทนไว้นะ ถ้าเราพบกัน มองหน้ากันแล้วเราจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าพวกท่านต้องการหลุดพ้น อาตมาจะเปิดประตูให้พวกท่าน ถ้าพวกท่านต้องการล้างกรรม ถ้าพวกท่านต้องการรู้จักตัวเอง มาหาอาตมาแล้วอาตมาจะแสดงให้พวกท่านดู ถ้าพวกท่านต้องการเข้าสู่ดินแดนแห่งพระพุทธะ อาตมาจะแสดงธรรมให้พวกท่าน การรู้แจ้งนั้นอยู่ภายในพวกท่านแต่พวกท่านลืมไป ถ้าพวกท่านต้องการ อาตมาจะให้กุญแจสู่ความรู้แจ้ง ทำไมพวกท่านยังต้องทุกข์ยากและไม่รู้แจ้งหรือ? นั่นเพราะพวกท่านยึดติดกับความทุกข์ ไม่ยอมปล่อยมันไป ถ้าพวกท่านไม่ต้องการทุกข์อีก อาตมาจะมอบสันติสุขและอิสรภาพให้แก่พวกท่าน เรามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

          หลังจากเทศนา พระอาจารย์รูมาได้มอบเงินบริจาคจำนวน 1,000 เหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และมอบชุดสังฆทานและสิ่งของจำเป็นให้กับพระสงฆ์ 120 รูป รวมมูลค่าเงินบริจาคทั้งหมด 3,000 เหรียญสหรัฐ พระอาจารย์ทักทายพระสงฆ์และชาวบ้านผู้มาส่งท่านที่รถ ทุกสายตาจับจ้องจนกระทั่งรถลับสายตาไป

 

*************

          

        วันถัดไป 12 มีนาคม 2557 ชาวบ้านจากทุกอำเภอของเกาะกงจำนวน 1500 คนได้มารวมกัน ที่ศาลาชุมชนใกล้ชายทะเลเพื่อมาต้อนรับพระอาจารย์รูมาและลูกศิษย์จากเวียดนาม กัมพูชาและไทย แขกผู้มีเกียรติในวันนี้ได้แก่ พณ ท่าน เมือน สมร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และนาย ยง เซา วุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกัมปงชนัง นายรุมดี รองผู้ว่าเกาะกง นายดวง สาเรือน อธิบดีกรมการศาสนาจังหวัดเกาะกง

          เมื่อตะวันเริ่มลอยสูงและแผ่ความร้อน พระอาจารย์รูมาก็เข้ามาถึงศาลาชุมชน โดยมีคณะจากราชการและองค์กรท้องถิ่นให้การต้อนรับ พระอาจารย์เดินอย่างสง่างามผ่านผู้มาต้อนรับทั้งสองแถวโดยมีดอกไม้โปรยปราย พระอาจารย์มองไปรอบๆด้วยความกรุณาขณะที่ก้าวเดินไปบนเวทีและนั่งท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานราชการ และพระสงฆ์ ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะส่องแสงแรงกล้า แต่เมฆดำแห่งกรรมที่มองไม่เห็นได้แผ่ปกคลุมทั่วทั้งศาลานั้น

               นายรุมดี รองผู้ว่าเกาะกงกล่าวต้อนรับพระอาจารย์:

          อันดับแรก ผมขอต้อนรับและแสดงความเคารพพระอาจารย์รูมาและเหล่าพระสงฆ์ทั้งหลาย สวัสดี แขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาพร้อมหน้าในวันนี้ พวกเราขอขอบคุณพระอาจารย์รูมาและสานุศิษย์ที่ได้นำความเมตตามาสู่เกาะกงและได้มอบวัตถุสิ่งของที่จำเป็นแก่ชาวบ้านทั้งชาวเวียดนามและกัมพูชาที่อาศัยอยู่ที่นี่...”

          ในระหว่างนี้ พระอาจารย์รูมาหลับตาลงทำสมาธิ แผ่เมตตาส่งบุญบารมีของท่านออกไปลบล้างกรรมที่ปกคลุมที่นี่อยู่ เมฆดำที่ปกคลุมศาลาอยู่ก่อนหน้านี้ค่อยๆสลายไป

          พระอาจารย์รูมากล่าวว่า “สวัสดีทุกคน และสวัสดีพระพุทธะภายในของพวกท่านทุกคน วันนี้อาตมามาที่นี่ อาตมาไม่มีอะไรจะมอบให้พวกท่านนอกจากสิ่งของเล็กๆน้อยๆ สิ่งของใดๆก็ไม่เคยเพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือการหาความหลุดพ้นและปัญญาภายในของเรา ถ้าเรารู้หนทางฝึกฝนปฏิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์และยากลำบากในชีวิต พวกเราจะไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกนี้อีก 

            พระศากยมุนีพุทธเจ้าก็เคยเป็นเจ้าชาย มีชีวิตที่หรูหรางดงามแต่พระองค์รู้ว่ายศฐาบรรดาศักดิ์นั้นไม่จีรังยั่งยืน ดังนั้น พระองค์จึงไปเสาะหาหนทางพ้นทุกข์ ไปหารากเหง้าของอวิชชาและวิธีขจัดความทุกข์ในชีวิตนี้ เสาะหาความรู้แจ้ง ถ้าเรารู้แจ้งแล้ว เราจะเข้าใจโลกที่ไร้ความหมายนี้ ถ้าเราเชื่อมต่อกับพระพุทธเจ้า/พระโพธิสัตว์ ทุกอย่างที่เราหวังจะเป็นจริง พวกเราแบกรับความทุกข์ทั้งมวล พวกเราจึงต้องกลับมาที่นี่อีกเพราะกฎแห่งกรรมที่เราออกไม่ได้ ถ้าเราพยายามเสาะหาพระพุทธะภายใน คุณธรรมอันสูงส่งแห่งดวงวิญญาณของเรา พวกเราจะไม่ต้องมาเกิดบนโลกมายานี้อีก ถ้าเราแบกรับความทุกข์ยากลำบากนั่นเป็นเพราะเรายังหาทางออกสู่อิสรภาพไม่เจอ ถ้าเราพบทางออกแล้ว พวกเราจะไม่ต้องอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์อีกต่อไป

            พระอาจารย์รูมาได้ยินว่า เมื่อหลายปีก่อน สมัยสงครามเขมรแดงอันโหดร้ายทารุณ คนนับแสนพยายามหาทางหลบหนีออกจากประเทศไปทางทะเล บางคนหลบหนีได้สำเร็จ แต่บางคนล้มเหลวและเสียชีวิตลงที่เกาะกงนี้ พระอาจารย์กล่าวว่า “อิสรภาพในโลกนี้นั้นชั่วคราวเท่านั้น มนุษย์มีชีวิตอย่างมากก็ร้อยปี หลังจากนั้นเราก็จากโลกนี้ไปด้วยสองมือเปล่าและกลับมาเกิดใหม่ แล้วมาเป็นทุกข์อีก         พวกเราต้องหาปัญญาให้พบในชีวิตมนุษย์นี้ เพื่อที่เราไม่ต้องอยู่ในทะเลทุกข์ ชีวิตนี้คือชีวิตแห่งความทุกข์ มีโลกอื่นอีกที่ไม่มีความทุกข์เลย ใครๆก็ไปที่นั่นได้ ใครๆก็อยู่ที่นั่นได้ อาตมามีที่ว่างสำหรับพวกท่าน ถ้าพวกท่านพร้อมจะออกจากความทุกข์ ถ้าพวกท่านต้องการสละความจน ความยากลำบากและได้รับความสุข อาตมาก็ยินดีแลกเปลี่ยนให้พวกท่าน พระพุทธเจ้า/พระโพธิสัตว์ไม่เคยทอดทิ้งเรา ถ้าเรามองเข้าไปภายใน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะกรรม อวิชชาที่เรายึดมั่นถือมั่นอยู่ อาตมามาที่นี่เพื่อชี้แนะวิธีหลุดพ้น

          พระอาจารย์ทราบถึงความจริงใจมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชุมชนของรองผู้ว่าเกาะกง ผู้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่นี่ พระอาจารย์กล่าวกับรองผู้ว่าเกาะกงให้ทำคุณงามความดีต่อไปเพื่อพัฒนาจังหวัดเกาะกงและปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชา พระอาจารย์หวังว่าพระสงฆ์จะเผยแพร่ธรรมะต่อไปเพื่อมนุษย์อยู่อย่างเป็นสุข พระอาจารย์รูมาสัญญาว่าท่านจะร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นของเกาะกงเพื่อพัฒนาจังหวัด ไม่ใช่แค่เพียงทางด้านวัตถุแต่ท่านยังแบ่งปันบุญบารมีของท่านที่สะสมมาจากการศึกษาบำเพ็ญในหลายต่อหลายชาติเพื่อพัฒนาชีวิตจิตวิญญาณของคนที่นี่อีกด้วย

          “วันนี้อาตมามีของฝากสำหรับพี่น้องที่นี่ อาตมาสัญญาว่า ต่อไปอาตมาจะช่วยเหลือพี่น้องที่นี่ อาตมามาที่นี่พวกท่านไม่ต้องถวายอะไรอาตมา อาตมาไม่รับของถวายใดๆทั้งสิ้น อาตมารับเพียงแต่ความทุกข์ยากในชีวิตของพวกท่าน อาตมาจะมอบความหลุดพ้นให้กับพวกท่านเพื่อที่พวกท่านจะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปในชาติหน้า พวกเราแลกเปลี่ยนกัน พวกท่านชอบไหม?” พระอาจารย์ถาม (ผู้ฟังปรบมือ)

          พระอาจารย์รูมาย้ำว่า ด้วยการทำสมาธิ ทานมังสวิรัติและศึกษาปฏิบัติธรรม จะทำให้ประเทศกัมพูชาและผู้คนทั่วโลกมีชีวิตที่สงบสุขและนำสันติภาพมาสู่มวลมนุษย์    

           

            ตัวแทนของรัฐมอบเหรียญให้พระอาจารย์แสดงความขอบคุณต่อน้ำใจพระอาจารย์ที่มีต่อชาวเกาะกง รัฐมนตรีกระทรวงสังคมมอบเกียรติบัตรแก่พระอาจารย์

          ก่อนจากไป พระอาจารย์รูมามอบถุงใส่ของจำเป็น 1300 ถุง ข้าว 20 ตัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ 1300 กล่อง ซีอิ๊ว 1300 ขวด เกลือ 1.3 ตัน ข้าวต้มมัดเจ 3000 อันและข้าวกล่อง 2000 กล่อง ให้แก่ชาวบ้าน พระอาจารย์รูมาและลูกศิษย์ยังมอบเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนศูนย์ช่วยเหลือเด็กกำพร้าในพื้นที่อีก 500 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับข้าวสาร 500 กก. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 30 กล่อง ซีอิ๊ว 10 ลัง เกลือ 50 กก.และสมุด 200 เล่ม รวมมูลค่าเงินช่วยเหลือทั้งหมด 2000 เหรียญสหรัฐ        

       ขณะเดินกลับไปที่รถ พระอาจารย์รูมาได้แบ่งปันความเมตตาและพรให้แก่ชาวบ้านด้วยการลูบศีรษะและจับมือพวกเขาอย่างอ่อนโยน วันนี้พระอาจารย์รูมาได้จุดประกายความหวังในหัวใจทุกคนที่นั่น สีหน้าของทุกคนแสดงถึงความสุขและสงบอย่างเป็นธรรมชาติ ตาของพวกเขาเปล่งประกายอย่างปิติ พวกเขายิ้มแย้ม ไม่ใช่เพราะพวกเขาได้รับของฝากจากพระอาจารย์สำหรับปากท้องของพวกเขาสองสามวัน แต่เป็นเพราะพวกเขารับรู้ได้ถึงของฝากทางจิตวิญญาณที่พระอาจารย์ประทานให้ คำสัญญาของพระพุทธะแห่งยุคดังก้องในหัวของพวกเขา “นับจากนี้ต่อไป พวกท่านจะไม่ต้องมีชีวิตที่เป็นทุกข์อีก และจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต” สาธุ
 
         




 *****

 

          หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่วัดและที่ศาลาชุมชนแล้ว พระอาจารย์รูมาและลูกศิษย์ผู้ปฏิบัติธรรมตามธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง 80 คนเดินทางไปเกาะกงซึ่งต้องนั่งเรือ 3 ชั่วโมงเพื่อไปที่นั่น พระอาจารย์รูมาให้ลูกศิษย์ผ่อนคลาย ว่ายน้ำ เล่นกีฬา และให้ทุกคนนั่งสมาธิด้วยกันริมทะเลตอนเช้ามืด

          พระอาจารย์รูมากล่าวว่า เมื่อมาถึงเกาะกง พระอาจารย์เห็นวิญญาณเป็นพันๆล่องลอยทั่วไปในพื้นที่ทั้งชายทะเลและบนเขา วิญญาณเหล่านั้นไม่สามารถหลุดพ้นหรือไปผุดไปเกิดได้ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จังหวัดนี้ไม่พัฒนาเท่าที่ควรถึงแม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติสวยงามมากมาย เช่น ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ชายหาดที่บริสุทธิ์และเกาะที่เงียสงบ กรรมอันหนักหนาสาหัสของผู้ตายที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเอง ตายแล้วนั้นปกคลุมหนาแน่นไปตั้งแต่ฝั่งพื้นดินไปในทะเล พระอาจารย์รูมากล่าวว่า มีคนตายเป็นแสนคนในช่วงสงครามล้างเผ่าพันธุ์กับกลุ่มเขมรแดง ผู้คนพยายามหลบหนีออกจากประเทศกัมพูชาไปยังประเทศไทย ผู้คนเป็นพันๆล้มตายในทะเล บนชายฝั่ง และทั่วทั้งจังหวัด พระอาจารย์ต้องใช้พลังมหาศาลเพื่อช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้ผู้ที่หิวโหยและเฝ้ารอคอยคนที่มาช่วยเหลือให้เป็นอิสระเป็นเวลานานแสนนาน 

          พระอาจารย์รูมาเปิดเผยว่า มีเปลือกโลกจุดเปราะบางจุดหนึ่งในอ่าวไทยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลและอาจก่อให้เกิดสึนามิที่คร่าชีวิตคนในแถบนี้ได้ พระอาจารย์รูมาได้ทำนายมาก่อนว่าจะเกิดสึนามิในแถบชายฝั่งแถวเมืองเกียงซาง ซึ่งเป็นเมืองชายแดนเวียดนามติดกับกัมพูชา ท่านได้พยายามให้ความช่วยเหลือพื้นที่นั้นมาตลอดด้วยการทำกิจกรรมโครงการเพื่อการกุศลในพื้นที่ เช่น มอบบ่อน้ำบาดาลให้แก่ครอบครัวยากจนในพื้นที่เพื่อได้มีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค มอบจักรยานให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนและห่างไกลได้ขี่ไปโรงเรียน เป็นต้น มองจากภายนอกแล้ว ดูเหมือนว่าพระอาจารย์ช่วยเหลือชาวบ้านยากจนด้วยการมอบวัตถุสิ่งของเพื่อพัฒนาชีวิตทางกายภาพ แต่หากมองลึกๆแล้ว บ่อน้ำแต่ละบ่อ จักรยานแต่ละคันนั้นเป็นเครื่องมือทางจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยพลังพรจากพระอาจารย์เพื่อปกป้องพื้นที่นี้จากภัยพิบัติที่น่ากลัว 

          เช่นเดียวกัน สำหรับหลายๆคน การเดินทางครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่พระพุทธะไม่เคยทำอะไรเพื่อความสุขสบายของตนเอง ทริปนี้มีความหมายทางจิตวิญญาณแอบแฝงอยู่ พระอาจารย์และผู้ปฏิบัติธรรมตามวิถีแห่งแสงและเสียง 80 คนนั่งสมาธิร่วมกันบนเกาะที่เงียบสงบในอ่าวไทย และอธิษฐานเพื่อสันติภาพในภูมิภาคนี้ พระอาจารย์ใช้พลังสมาธิกลุ่มเพื่อเยียวยาเปลือกโลกส่วนที่เปราะบางใต้ทะเลเพื่อไม่ให้เกิดมหันตภัยในอนาคต พระอาจารย์บอกว่าท่านสามารถใช้พลังของตัวเองเพื่อล้างกรรมและเยียวยาพื้นดินแต่จะเป็นการดีกว่าหากใช้พลังสมาธิกลุ่ม

          เรื่องนี้สอดคล้องกับเรื่องที่เพื่อนร่วมปฏิบัติธรรมชาวกัมพูชาคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังเป็นการส่วนตัว เธอบอกว่าตั้งแต่มาที่เกาะกง เมื่อไรก็ตามที่เธอนั่งสมาธิ เธอจะเห็นพญานาคห้าเศียรว่ายน้ำอยู่ในทะเล พญานาคพูดกับเธอว่า ขอบคุณพระพุทธะที่มาที่นี่ และช่วยปลดปล่อยพญานาคอีกตัวหนึ่งที่ติดอยู่ใต้ทะเลหลุดออกไม่ได้มาเป็นเวลานาน เขาพร่ำบอกขอบคุณพระอาจารย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความยินดี

          เรื่องราวเหล่านี้อาจฟังดูเหลือเชื่อสำหรับหลายคน แต่ทว่า ยังมีโลกจิตวิญญาณที่ทับซ้อนเป็นอีกมิติหนึ่งของโลกทางกายภาพของเรานี้ ยังมีอีกหลายโลกที่พวกเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีแต่ตาปัญญาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งทั่วจักรวาล ผู้ที่ฝึกฝนปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลานานในชาตินี้หรือชาติที่ผ่านๆมาสามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตวิญญาณได้ แต่พระอาจารย์รูมามักตักเตือนลูกศิษย์ไม่ให้ใส่ใจกับปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณของตนให้มากเกินไป เพียงแค่ปล่อยให้เกิดเองตามธรรมชาติ พระอาจารย์กล่าวว่า เพียงแค่ตั้งใจศึกษาบำเพ็ญด้วยความจริงใจ ทานมังสวิรัติตลอดชีวิต รักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด และอธิษฐานทุกวันถึงสิ่งที่สูงส่งเพื่อความสงบสุขบนโลกใบนี้  -  นั่นคือหนทางแห่งการพ้นทุกข์ในชีวิตนี้ และท่านจะเป็นผู้ที่นำพาเราเดินไปบนหนทางนั้น พวกเราขอขอบคุณพ่อผู้เป็นที่เคารพรักของเรา – พระอาจารย์รูมา