พายุไต้ฝุ่นวูทิปที่พัดกระหน่ำภาคกลางของเวียดนามเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2556 นั้นถือว่าเป็นพายุไต้ฝุ่นที่ใหญ่และรุนแรงที่สุดของภาคกลางและของประเทศในช่วง 7 และ 30 ปีที่ผ่านมาตามลำดับ คณะกรรมการควบคุมพายุและน้ำท่วมของเวียดนามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน สูญหาย 4 คนและบาดเจ็บ 225 คน และส่งผลให้ภูมิภาคต้องรับมือกับฝนตกหนัก ดินถล่มและน้ำท่วม ในขณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่าเกือบ 664 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังคาบ้านเรือนกว่า 200,000 หลังถูกพัดปลิว บ้านเกือบ 34,000 หลังจมอยู่ใต้น้ำ และบ้าน 530 หลัง โรงเรียน 850 แห่งและสถานพยาบาล 120 แห่งพังทลายหรือถูกพัดไป พืชพันธุ์และไม้ยืนต้นในพื้นที่กว่า 57,000 เฮคเตอร์ถูกน้ำท่วม โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกว่า 365,000 ตารางเมตรและเขื่อน 75 แห่งเสียหายอย่างหนัก
     เมื่อพระอาจารย์รูมาได้ยินข่าวความสูญเสียจากมหันตภัยในบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน พระอาจารย์สงสารผู้คนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอย่างหนักจากผลของภัยพิบัติทางธรรมชาตินี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่จบค่ายกรรมฐานพิเศษสามสัปดาห์แต่ท่านก็ได้สั่งให้ลูกศิษย์จากเวียดนาม ไทย ลาวและกัมพูชาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนอย่างเร่งด่วนต่อเหยื่อภัยพิบัติธรรมชาติ พระอาจารย์รูมากล่าวว่า “เนื่องในวาระที่น่าเศร้าจากพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงนี้ อาตมาและลูกศิษย์อยากจะมอบของขวัญจากความรักความเมตตาและความปรารถนาดีจากอาตมาพร้อมกับเหล่าสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยังคงทำสมาธิเพื่อให้มวลมนุษย์มีชีวิตที่สงบสุข” พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบที่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์ได้มอบความช่วยเหลือนั้นคือที่หมู่บ้านไมฮุงและกวินยี อำเภอฮวงไม ในจังหวัดแงอันซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งภาคกลางตอนเหนือของเวียดนาม
     ในช่วงเที่ยงวัน คณะลูกศิษย์นานาชาติของพระอาจารย์รูมาได้มาถึงสถานที่ประสบภัย ซึ่งบ้านเรือน สถานที่สาธารณะและเรือกสวนไร่นาต่างได้รับความเสียหายและมีซากปศุสัตว์นอนตายอยู่กลาดเกลื่อน ตำบลฮวงไมและอำเภอกวินลูซึ่งตำบลฮวงไมอยู่ใต้การปกครองก่อนเดือนเมษายน 2556 เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุและน้ำท่วมทุกปีเนื่องจากอยู่ติดกับทะเลตะวันออก องค์การปกครองท้องถิ่นที่นี่ต้องเผชิญกับปัญหาด้าน (1)ความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ (2) ความเสียหายอย่างกว้างขวางต่ออาคารบ้านเรือน ระบบระบายน้ำเสีย เขื่อนและถนน (3) การขาดแคลนอาหารเนื่องจากเรือกสวนไร่นาถูกน้ำท่วม และ (4) อันตรายจากโรคที่อาจเกิดจากน้ำขัง (เช่น ท้องเสีย ไทฟอยด์  อหิวาตกโรค ตาอักเสบ มาลาเรียหรือไข้เลือดออกจากน้ำที่ท่วมขังรวมกับของเสียจากมนุษย์ จริงๆแล้ว เมืองนี้ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 4-5.6 เมตรในบางพื้นที่หลังจากมรสุมไต้ฝุ่นวูทิป ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินและอื่นๆ อีกทั้งทำให้คนเป็นพันต้องไร้ที่อยู่อาศัย

 “แค่ 10 นาทีระดับน้ำสูงถึง 5 เมตรก็เกือบท่วมหลังคาบ้านผมแล้ว พวกเราต่างก็วิ่งวุ่นเพื่อเอาตัวรอด ตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เสื้อผ้าจะเปลี่ยน” เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากพายุไต้ฝุ่นในเมืองไมฮุง ตำบลฮวงไมกล่าว พายุไต้ฝุ่นส่งผลให้เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในท้องถิ่นไม่สามารถรองรับมวลน้ำได้ (ประมาณ 75 ล้านลูกบาศก์เมตร) 20.5 เมตรสูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ย ดังนั้นจึงต้องมีการปล่อยน้ำออกมา ทำให้เกิดน้ำท่วมหลังเขื่อนไปยังพื้นที่อาศัยในตำบลฮวงไม “นี่เป็นมหันตอุทกภัยในประวัติศาสตร์ ลุงไม่เคยเห็นน้ำท่วมสูงขนาดนี้มาก่อน” ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองไมฮุงมาตลอดชีวิตกล่าว
     ที่ประชุมคนะกรรมการหมู่บ้านที่กวินยีและไมฮุง คณะผู้แทนของพระอาจารย์รูมาได้มอบความช่วยเหลือเป็นข้าวสาร 22,000 ปอนด์และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 15,000 ห่อให้กับชาวบ้าน พระอาจารย์เขียนจดหมายส่วนตัวเป็นกำลังใจให้กับผู้โชคร้ายจากหายนะไต้ฝุ่นวูทิปในครั้งนี้ว่า “อาตมารู้สึกเจ็บปวดในใจยิ่งนักต่อความสูญเสียของพวกท่านและครอบครัวที่ได้ประสบ ชีวิตมนุษย์เรานั้นล้วนมีแต่ความไม่แน่นอนและไม่มั่นคง และยังโชคร้ายยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกท่านต้องประสบกับความยากลำบากทั้งหลายจากภัยพิบัติในครั้งนี้” ชาวบ้านต่างกล้ำกลืนน้ำตาเมื่อได้ฟังข้อความอันน่าซาบซึ้งใจของพระอาจารย์รูมา
 

     “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากพระอาจารย์รูมาและเหล่าสานุศิษย์ พวกท่านมีน้ำใจมากที่มาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังขาดแคลนอาหาร” นายกวาง วัง เหงียน เลขากรรมการพรรคตำบลกวินยีกล่าว
“ท่านต้องรู้ว่าไม่ว่าความไม่มั่นคงหรือภัยพิบัติต่างๆล้วนเกิดจากความปรวนแปรของความคิดมนุษย์ จากนี้ต่อไป อาตมาขอเชิญชวนให้องค์กรท้องถิ่นและทุกคนโปรดช่วยกันใช้ชีวิตด้วยความเมตตากรุณา ช่วยเหลือเกื้อกูลและปกป้องคนอื่น ไม่ฆ่าสัตว์และช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างพลังที่สงบสุขสำหรับบ้านเกิดอันเป็นที่รักของเราที่ภาคกลางนี้”

 “อาตมาและผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายจากศูนย์ปฏิบัติธรรมสมาธิแสงและเสียงภายในทุกแห่งในประเทศต่างๆที่อาตมาไปเผยแพร่ธรรมะ ได้ส่งบุญไปยังภาคกลางของเวียดนามและอธิษฐานอยู่เสมอให้ภูมิภาคนี้ปราศจากภัยพิบัติ ชาวบ้านที่นี่ต้องผจญกับความยากลำบาก ความทุกข์ หิวโหย ยากจนและภัยธรรมชาติเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว โปรดเชื่ออาตมาว่ามนุษย์เราสามารถฝ่ากฎแห่งกรรมได้ เปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านให้มีสันติและสงบสุข ผู้ปฏิบัติธรรมสมาธิแสงและเสียงหลายต่อหลายคนทำได้แล้ว พวกท่านก็ทำได้เช่นกัน”
      “อาตมาหวังว่าพวกท่านจะสามารถฟันฝ่าความยากลำบากในช่วงเวลานี้ได้และกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว เพราะฉะนั้นขอให้มองเข้าไปภายในของท่านเอง ซื่อสัตย์และจริงใจ ทำสมาธิ ไม่ฆ่าสัตว์ และมีความเมตตากรุณารวมทั้งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เพื่อที่ปัญญาของพวกท่านจะได้เปิดออก จนถึงเมื่อนั้นพวกท่านจะตระหนักถึงกฎแห่งกรรมและหาทางที่ถูกต้องในการจัดการปัญหาร้ายแรงต่างๆของความไม่แน่นอนในชีวิต อาตมาหวังว่าพวกท่านจะมีความศรัทธาอย่างเข้มแข็งต่อธรรมชาติแห่งพระพุทธะภายในตัวมนุษย์ทุกคน”
 
ผู้ประสบภัยพิบัติเหล่านี้ไม่เพียงแต่ได้รับความช่วยเหลือทางวัตถุสิ่งของแต่ยังรู้สึกซาบซึ้งเมื่อได้ตั้งใจฟังจดหมายจากความในใจของพระอาจารย์ ถึงแม้ว่าบางคนจะยังกลั้นน้ำตาแต่พวกเราสามารถสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาที่ตั้งใจพยายามฟันฝ่าอุปสรรคในชีวิตทั้งความลำบาก เศร้าโศกและทุกข์ยากต่างๆ และยืนหยัดต่อความหวังในชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตข้างหน้า
     พระอาจารย์รูมาได้อุทิศตนเพื่อมอบความช่วยเหลือและเงินบริจาคแก่ชุมชนต่างๆในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการความช่วยเหลือ พร้อมกับเผยแพร่วิธีการทำสมาธิตามวิถีแห่งแสงและเสียงภายในและการรับประทานมังสวิรัติ และแนะนำให้ผู้คนพบสันติสุขในจิตใจ ความรักและความเมตตา พระอาจารย์มักรับนิมนต์จากผู้ที่ไขว่คว้าหาปัญญาอันล้ำเลิศ การตื่นรู้และการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พระอาจารย์ยินดีแบ่งปันความรู้แห่งสัจธรรมแก่ทุกคนที่เข้ามาหาท่านไม่ว่าจะมาจากชนชั้นใด พื้นฐานการศึกษา ความเชื่อและศาสนาใดๆก็ตาม
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

    ประวัติพระอาจารย์รูมา
    ธรรมวิถีแห่งแสงและเสียง