โรงเรียนแห่งความรัก

     นอกจากประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่เป็นสายเลือดของพระอาจารย์รูมา ประเทศกัมพูชา เป็นอีกประเทศหนึ่งที่พระอาจารย์รูมามีความผูกพันด้วยอย่างลึกซึ้งเพราะเป็นประเทศที่พระอาจารย์เกิด หลังจากที่ออกจากประเทศกัมพูชาไปตั้งแต่เล็ก เมื่อมีโอกาสกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง พระอาจารย์ก็เดินทางไปทั่วประเทศ เยี่ยมเยียนและช่วยเหลือคนที่ประสบทุกข์ยากในประเทศ ทั้งคนยากจนและผู้ประสบภัย จนเป็นที่รู้จัก เคารพยกย่องจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศ ของรัฐ ทหาร และเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน

     จังหวัดกัมปงชนังเป็นจังหวัดที่ยากจนอีกจังหวัดหนึ่งที่พระอาจารย์มักไปเยี่ยมเสมอ เมื่อปลายปี 2012 พระอาจารย์กลับไปเยี่ยมชาวบ้านอีกครั้งและได้ยินว่าหมู่บ้านศาลาซาเร ชัยมงคล ขาดแคลนโรงเรียนประถมสำหรับเด็กๆ ทางรัฐได้พยายามสร้างโรงเรียนมาเป็นเวลาหลายปีแต่ก็ไม่สำเร็จสักทีเพราะมีทุนไม่พอ พระอาจารย์จึงไม่ลังเลที่จะโยกย้ายเงินทุนที่เตรียมไว้สำหรับสร้างศาลาสมาธิในศูนย์ปฏิบัติธรรมที่กัมพูชามาสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆและชุมชนแทน

     เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่พระอาจารย์รูมาให้ความสำคัญมาก พระอาจารย์รูมาเคยกล่าวว่า “พระอาจารย์เกิดที่ประเทศกัมพูชา ได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่นี่ ตอนนั้นพระอาจารย์และครอบครัวลำบากมาก ที่บ้านยากจน ไม่มีเงินพอที่จะเข้าเรียนในโรงเรียน พระอาจารย์เข้าใจดีถึงหัวอกเด็กๆที่อยากเรียนหนังสือแต่ไม่สามารถทำได้เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และความสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน และการที่มีโรงเรียนและคุณครูคอยสั่งสอนชี้แนะ” เมื่อได้ยินว่าที่หมู่บ้านต้องการสร้างโรงเรียนให้เด็กๆได้เรียนแต่ไม่มีเงินพอ พระอาจารย์จึงให้การสนับสนุนทันที หลังจากนั้น จึงได้มีการเริ่มก่อสร้างโดยใช้เวลา 4 เดือน โดยใช้เงินทุนเกือบ 20,000 เหรียญสหรัฐ

     วันก่อนเปิดงาน เหล่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์รูมาทั้งชาวเวียดนาม กัมพูชา และไทย รวมทั้งชาวบ้านใกล้เรือนเคียงต่างมารวมกันที่โรงเรียนเพื่อจัดเตรียมงาน เมื่อตกกลางคืน วงดนตรีของกัมพูชาเริ่มบรรเลงเพลงพื้นบ้านเสียงดังไปทั่วหมู่บ้าน เรียกให้ชาวบ้านในละแวกออกมาเต้นรำวงกันตามแบบกัมพูชา ยิ่งดึก วงเต้นรำก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ชาวบ้านทุกวัยทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชราต่างออกมารวมกันที่นี่ เสียงเพลงและเสียงหัวเราะของชาวบ้านดังอย่างมีความสุขท่ามกลางความเงียบสงัดของหมู่บ้านในชนบท เหมือนทุกคนต่างเตรียมตัวฉลองโรงเรียนใหม่และยินดีที่จะได้ต้อนรับพระอาจารย์ในวันรุ่งขึ้น  

     วันที่ 10 มีนาคม 2556เป็นวันที่ทุกคนรอคอย ในวันนั้นมีผู้คนมาร่วมพิธีเปิดโรงเรียนเป็นจำนวนมาก มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่และตัวแทนระดับสูงของรัฐ พณ ท่าน ทว้อก มาริม ผู้ว่าราชการจังหวัดกัมปงชนัง  ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงศาสนา  เลขาธิการพรรค   นายพล ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น ชาวบ้านใกล้เรือนเคียง เด็กๆนักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง และลูกศิษย์พระอาจารย์ ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ มาร่วมงานอย่างพร้อมพรั่ง ทุกคนมารอต้อนรับพระอาจารย์อย่างใจจดใจจ่อ เด็กๆเข้าแถวรอต้อนรับพระอาจารย์ด้วยความตื่นเต้น รอคอยที่จะได้พบพระอาจารย์และได้ฉลองโรงเรียนใหม่

     เมื่อแดดยามสายเริ่มทอแสง พระอาจารย์รูมาเดินทางมาถึงพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่น ทุกคนย่อกายพนมมือต้อนรับพระอาจารย์ด้วยความเคารพ พระอาจารย์เดินเข้ามาที่ลานโรงเรียน  เพลงชาติกัมพูชาบรรเลงกระหึ่มโดยวงดนตรีของทหาร เสียงเพลงปลุกใจบรรเลงสร้างบรรยากาศเป็นทางการ
พระอาจารย์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าพระอาจารย์จะอพยพออกจากประเทศกัมพูชาไปตั้งแต่เล็กแต่ก็ไม่เคยลืมชีวิตวัยเยาว์และความยากลำบากที่เคยมี ถึงแม้พระอาจารย์จะไปอยู่ประเทศอื่นแต่ก็มีความรักให้แก่ประเทศกัมพูชาเสมอ พระอาจารย์ขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาที่รักษาสันติภาพให้คงอยู่ในประเทศ และอธิษฐานขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศกัมพูชาและประชาชนชาวกัมพูชาให้มีความสุขและสันติภาพตลอดไป ประเทศของเราผ่านความทุกข์ยากมานานแล้ว ถึงเวลาที่ประชาชาวกัมพูชาจะพ้นจากความลำบากยากจน มีความสุข ประเทศชาติมีสันติภาพและเจริญรุ่งเรือง

     นอกจากสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กๆแล้ว พระอาจารย์รูมายังได้บริจาคข้าวสารจำนวน 8ตัน ซอสถั่วเหลือง 750 ขวด เกลือ 350 กิโลกรัมให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งหมด 700 คน และมอบสมุด 1,000 เล่มและอุปกรณ์การเรียนให้กับโรงเรียน รวมมูลค่า 1,000 เหรียญ

     ที่โรงเรียนมีรูปปั้นพระอาจารย์รูมาประดิษฐานอยู่ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่พระอาจารย์ทำพิธีเปิด ทุกคนอยู่ในความสงบในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ หลังจากนั้นเป็นพิธีเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการโดยมีการตัดริบบิ้นโดยพระอาจารย์รูมาและตัวแทนภาครัฐ หลังจากริบบิ้นสีแดงถูกตัดขาดลง เสียงปรบมือด้วยความยินดีก็ดังขึ้น เด็กๆกรูกันเข้าไปในห้องเรียน ต่างกระโดดโลดเต้นส่งเสียงร้องด้วยความยินดี เป็นภาพที่น่าชื่นใจยิ่งนัก เมื่อเห็นภาพเด็กๆมีความสุขพระอาจารย์ก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะเล็กๆ มีห้องเรียนเพียง 3 ห้อง แต่เด็กๆก็ดีใจมากที่ได้มีโรงเรียน ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่ชุมชน

     ก่อนกลับพระอาจารย์รูมาแจกขนมให้เด็กๆ และลูบหัวให้พรแก่เด็กๆและชาวบ้านที่มาร่วมงาน พระอาจารย์พนมมือให้พรแก่ชาวบ้าน แผ่พลังอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้กระจายไปทั่วพื้นที่  ทุกสายตาจับจ้องพระอาจารย์ในทุกอิริยาบถอันงามสง่าและเปี่ยมด้วยความเมตตาที่สามารถสัมผัสได้ทางดวงวิญญาณเท่านั้น ดวงตาของเด็กๆแจ่มใสเป็นประกาย รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ปรากฎอยู่บนใบหน้าของชาวบ้านทั้งหนุ่มสาวและคนชรา เหมือนลืมความทุกข์โศกที่มีไปชั่วคราว วันนี้ พวกเขาได้รับความรักความเมตตาจากพระพุทธะแห่งยุคปัจจุบันทั้งด้านวัตถุและจิตใจ เป็นของขวัญทางจิตวิญญาณที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม

     ในฐานะศิษย์ของพระอาจารย์รูมา พวกเราได้เรียนรู้ถึงความรักความเมตตาที่พระอาจารย์มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ฉันนึกถึงคำสอนของพระอาจารย์ที่บอกว่า “จงรักทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร ชนชาติใดก็ตาม”เมื่อได้เห็นใบหน้าและแววตาของผู้คนในวันนี้ ฉันก็ตระหนักว่า คนทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ ต่างก็มีความสุข ความทุกข์เหมือนกันหมด ชาวไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา คนจน คนรวยต่างก็มีทั้งสุขทุกข์ ไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกอาจดูต่าง แต่ภายในนั้น ไม่ต่างกัน แววตาของเด็กๆ เสียงหัวเราะดีใจเมื่อได้รับขนมจากพระอาจารย์ รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าเหี่ยวย่นของคนชรา เมื่อพระอาจารย์เอื้อมมือมาสัมผัสมือกรำชีวิตของพวกเขาอย่างอ่อนโยน  ไม่มีอะไรต่างกัน พวกเขาต้องการให้มีความสุขในชีวิต ต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ ต้องการความรักความเอาใจใส่ ไม่ต่างกัน ความรักที่แท้จริงนั้น ไม่มีขอบเขต ไม่มีการแบ่งเชื้อชาติหรือชนชั้น ความเมตตากรุณาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแผ่ไปไพศาล ครอบคลุมทั่วจักรวาล ไม่เลือกเชื้อชาติ หรือชนชั้นวรรณะ ความรักที่แท้จริงไม่สามารถถ่ายทอดเป็นคำพูดได้แต่ดูได้จากการกระทำและสัมผัสได้ด้วยหัวใจ