[email protected]
หน้าแรก
สมาธิแสงและเสียง
วิธีปฏิบัติ
การประทับจิต
ศีลห้า
พระอาจารย์รูมา
ประวัติพระอาจารย์
สารจากพระอาจารย์
น้ำใจพระอาจารย์
ข้อมูลข่าวสาร
วีดีโอ
หนังสือ
เทศนา
ศิลปะสูงสุด
มังสวิรัติ
ทำไมต้องทานมังสวิรัติ
สูตรอาหารมังสวิรัติ
ดาวน์โหลด
แผ่นพับ
ไฟล์เสียง
ติดต่อเรา
ข้อมูลข่าวสาร
ปกติแล้วในช่วงสิ้นปีหรือปลายเดือนธันวาคมเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่ทุกคนทั่งโลกต่างพากันฉลองเทศกาลคริสมาสหรือส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ร่วมกับเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่ว่ายังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ต่างพากับสวดอธิษฐานเพื่อให้โลกสงบสุขและดำรงอยู่ต่อไป ไม่ให้เป็นดังคำทำนายที่กล่าวกันว่าจะมีภัยพิบัติจนถึงคราวสิ้นสลายของโลกตามที่เล่าลือกัน
ปีนี้ที่เชียงใหม่ ประเทศไทย มูลนิธิมาสเตอร์รูมาได้จัดกิจกรรมค่ายวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติสำหรับคนเกือบ 500 คนทั้งนักบวชและฆราวาสจากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อมาร่วมกันทำสมาธิและอธิษฐานเพื่อให้โลกสงบสุข
ค่ายปฏิบัติธรรมในช่วงสิ้นปีนี้ถูกจัดขึ้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระอาจารย์รูมา ในเนื้อที่ 80 ไร่ ท่ามกลางขุนเขาสะเมิงที่ตำบลบ้านปง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 พระอาจารย์รูมาเป็นผู้ดูแลงานี้ด้วยตนเองสำหรับผู้ปฏิบติธรรมตามวิถีแห่งแสงและเสียงจากประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาวและไทย ค่ายปฏิบัติธรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่พระอาจารย์รูมาจัดขึ้นในเมืองไทยและเป็นครั้งที่ 4 ของปีที่จัดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ค่ายปฏิบัติธรรมนี้ไม่เหมือนค่ายสมาธิที่อื่น เพราะไม่เพียงแต่มีการประทับจิตให้ผู้รับวิถีแห่งแสงและเสียงคนใหม่และนั่งสมาธิวันละ 3-4 ช่วง เป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน และยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆอีกมากมายเช่น เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษของศูนย์ฯ เล่นเกม แข่งทำอาหารมังสวิรัติและเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยพลุ จุดเทียน ร้องเพลง และลอยโคมลอยหลายร้อยดวง นอกจากพระอาจารย์รูมาจะแสดงธรรมเทศนาแล้ว พระอาจารย์ยังเป็นกันเองกับลูกศิษย์ และยังทำอาหารมังสวิรัติแสนอร่อยและตักอาหารให้ลูกศิษย์ทุกคนด้วยตัวเองอีกด้วย ศิษย์ผู้ประทับจิตใหม่ต่างพากันทึ่งที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพระอาจารย์ผู้ที่สูงส่งด้านจิตวิญญาณและยังเป็นมิตรและให้ความเมตตาแก่ศิษย์ทุกคน
ที่ค่ายปฏิบัติธรรม ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเหมือนปกติ แต่กิจกรรมทุกอย่างต่างมีความหมายและเปี่ยมด้วยพรจากพระอาจารย์ พวกเราสามารถรู้สึกได้ในจิตวิญญาณถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่พระอาจารย์มีต่อทุกคนจากความเป็นกันเองและน้ำใจของพระอาจารย์ พวกเราต่างรู้สึกตื้นตันและขอบคุณที่ได้รับพระกรุณาอันยิ่งใหญ่นี้
เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ มีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าพระอาจารย์รูมาและเหล่านักบวชได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำให้สถานที่สวยงามสะดวกสบายสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมเท่าไร พระอาจารย์รูมาออกแบบและทำโต๊ะสนามด้วยตัวท่านเอง และสอนให้ลูกศิษย์นักบวชทำเป็น โต๊ะเหล่านี้ทำขึ้นด้วยความใส่ใจจากพระอาจารย์ที่ต้องการให้ทุกคนมีที่นั่งผ่อนคลายสบายๆและรับประทานอาหารหลังจากนั่งสมาธิหลายชั่วโมง โต๊ะเหล่านี้ถูกจัดวางไว้ที่สนามหญ้ากลางสวนของศูนย์ฯ
นอกจากนี้พระอาจารย์รูมาและเหล่าศิษย์ยังทำตู้น้ำดื่มสามตู้ไว้ตามทางเดินของศูนย์ฯสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมให้ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็นได้จากตู้น้ำเหล่านี้ การสร้างตู้น้ำเหล่านี้มาจากความทรงจำของพระอาจารย์รูมาขณะที่ท่านเดินทางไปแสวงหาสัจธรรมในประเทศต่างๆเช่น อินเดีย พม่า ศรีลังกา เป็นต้น พระอาจารย์รูมาได้พบชาวบ้านวางไหน้ำดินเผาบรรจุน้ำสะอาดไว้ตามข้างทางเพื่อให้ผู้เดินทางผ่านไปมาได้ดื่มกิน พระอาจารย์รูมาเคยดื่มน้ำจากไหน้ำเหล่านี้ ซึ่งช่วยบรรเทาความกระหายและเป็นกำลังใจให้มีเรี่ยวแรงเดินทางค้นหาสัจธรรมต่อไปเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ ดังนั้นพระอาจารย์จึงต้องการทำประโยชน์ให้เหล่าผู้ปฏิบัติธรรมที่จริงใจในค่ายปฏิบัติธรรมนี้ให้มากที่สุด
พระอาจารย์รูมาไม่เหมือนพระอาจารย์ท่านอื่น ท่านจัดการและทำงานทุกอย่างด้วยตนเองร่วมกับเหล่านักบวช เช่น ปลูกต้นไม้ ก่อสร้างเวที ตกแต่งสนามและต้นคริสต์มาส เป็นต้น เมื่อพวกเราได้เห็นพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบันทำงานหนักทั้งร่ายกายและจิตวิญญาณเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษย์ พวกเราก็รู้สึกตื้นตันและสำนึกในพระกรุณาของท่านที่ประทานให้พวกเรา
ในช่วงสรุปของค่ายปฏิบัติธรรม พระอาจารย์รูมาได้บอกผู้ปฏิบัติธรรมว่าช่วงปลายปี 2555 ถึง 2556 นั้นเป็นช่วงวิกฤตของโลกมนุษย์ซึ่งมีกรรมมากมายคุกคามโลกของเราอยู่ แต่พระอาจารย์ได้ให้กำลังใจและความหวังต่อพวกเราว่าพวกเราสามารถช่วยโลกได้ด้วยการปฏิบัติและความตั้งใจจริงของพวกเรา พระอาจารย์บอกว่าหากพวกเรายังคงตั้งใจปฏิบัติสมาธิด้วยวิถีแห่งแสงและเสียงอย่างจริงใจ ยึดถือศีล 5 รับประทานมังสวิรัติตลอด และสวดอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าหรือพระเจ้า หรือใครก็ตามที่พวกเรานับถือที่สุด กรรมก็จะบรรเทาลง และพวกเราสามารถช่วยโลกที่สวยงามของพวกเราให้ดำรงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานต่อไป
ประเภทรายการ
ทั้งหมด
พระอาจารย์เทศนา
น้ำใจพระอาจารย์
ข้อมูลข่าวสาร
วีดีโอ
หนังสือ
บทความ
ศิลปะสูงสุด
สูตรอาหาร
ค้นหา
“ธรรมวิถีแห่งแสงและเสียงเป็นวิธีการทำสมาธิทางจิตวิญญาณที่เพ่งพิจารณากระแสพลังภายในของพวกเรา ด้วยการฟังกระแสเสียงภายใน แสงและเสียงนั้นมาจากสวรรค์ แสงสว่างแสดงถึงการรู้แจ้ง เวลานั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสว่างหมายความว่าเรารู้แจ้ง แสงนี้มาจากภายในตัวเรา เพราะแสงและเสียงภายในนี้ พวกเราจึงสามารถติดต่อสื่อสารกับสวรรค์ได้ พวกท่านจะสัมผัสประสบการณ์นี้ได้เมื่อพวกท่านได้รับประทับจิต”
“สวรรค์อยู่ภายในตัวเราตลอดเวลา แต่เพราะว่าพวกเราถูกกักขังในขุมนรกของความคิด อคติและความเคยชินตั้งแต่ชาติแล้วชาติเล่า ฉะนั้น พวกเราจึงไม่สามารถได้ยินเสียงและเห็นแสงแห่งพระธรรม ดังนั้น พระพุทธเจ้าจะเป็นผู้ช่วยขจัดความมืดมนที่ปิดบังปัญญาภายในของตนมาตั้งหลายพันกัปป์ให้หมดไป”
“เมื่อท่านนั่งสมาธิทุกวันและรับประทานแต่อาหารมังสวิรัติและยึดมั่นในศีลห้า ท่านจะกลายเป็นเสมือนแสงหนึ่งที่สาดส่องโลกใบนี้ และวันหนึ่งจะมีแสงหลายแสง และทั่วทั้งโลกจะอาบไปด้วยแสงสว่างและเปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา จะไม่มีความขัดแย้งและสงครามเกิดขึ้นบนโลก มวลมนุษยชาติจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและสันติ นี่เป็นคำอธิษฐานของอาตมาสำหรับมวลมนุษยชาติ นี่คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของอาตมา”
“ท่านสามารถปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนได้ง่ายขึ้น ถ้าท่านผสานชีวิตในการทำงานและจิตวิญญาณภายในของท่านให้สอดคล้องกัน หากท่านไม่ปฏิบัติตามกฎ(ศีล)ทั้งห้าข้อนี้ ก็จะยากที่จะบรรลุผลในการบำเพ็ญ”
“จุดประสงค์ในการปฏิบัติตามศีลห้านั้น คือการชำระล้างกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ ทั้งในการติดต่อสื่อสาร ในความรู้สึกนึกคิด และ การกระทำของท่านในแต่ละวัน ท่านจะต้องรอบคอบและมีสติในทุกด้าน และควรละเว้นในการทำสิ่งที่ผิด พวกเราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาอันสูงส่ง ปัญญาอันแจ่มแจ้ง ความรักอันใหญ่หลวง และด้วยการกระทำ และ ความคิดอันบริสุทธิ์ นี่เป็นวิถีของผู้ศึกษาธรรมะที่แท้จริง”
“ถ้าท่านต้องการปฏิบัติตามศีลทั้งห้าข้ออย่างถูกต้อง ท่านต้องมีความสงบในจิตใจ ทุกวันพวกเราต้องหมั่นสำรวจสิ่งสำคัญทั้งสามด้าน คือ กาย วาจา ใจ ในเรื่องของ “ความคิด คำพูด และการกระทำ” และ ตรวจสอบว่าศีลของท่านบริสุทธิ์หรือไม่ พวกเราควรมีความจริงใจต่อตัวของเราเอง ต่อพ่อแม่ คู่สมรส ลูก เพื่อน เพื่อนบ้าน และทุกคนที่เราพบ”
“เมื่อท่านทำผิดพลาด ท่านควรยอมรับและสารภาพอย่างจริงใจต่อตัวท่านเอง การสารภาพไม่ได้หมายถึงท่านจะถูกลงโทษหรือต้องได้รับการชดใช้ แต่จะทำให้ท่านมีสติและความพยายามเข้าใจว่าอะไรที่ท่านทำผิดพลาดไป อะไรที่ท่านควรจะแก้ไข และท่านจะหลีกเลี่ยงในการทำสิ่งที่ผิดในวันข้างหน้าได้อย่างไร นี่เป็นความคิดที่นำไปสู่หนทางแห่งการรู้แจ้ง”