ปกติแล้วในช่วงสิ้นปีหรือปลายเดือนธันวาคมเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่ทุกคนทั่งโลกต่างพากันฉลองเทศกาลคริสมาสหรือส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ร่วมกับเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่ว่ายังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ต่างพากับสวดอธิษฐานเพื่อให้โลกสงบสุขและดำรงอยู่ต่อไป ไม่ให้เป็นดังคำทำนายที่กล่าวกันว่าจะมีภัยพิบัติจนถึงคราวสิ้นสลายของโลกตามที่เล่าลือกัน

             ปีนี้ที่เชียงใหม่ ประเทศไทย มูลนิธิมาสเตอร์รูมาได้จัดกิจกรรมค่ายวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติสำหรับคนเกือบ 500 คนทั้งนักบวชและฆราวาสจากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อมาร่วมกันทำสมาธิและอธิษฐานเพื่อให้โลกสงบสุข

             ค่ายปฏิบัติธรรมในช่วงสิ้นปีนี้ถูกจัดขึ้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระอาจารย์รูมา ในเนื้อที่ 80 ไร่ ท่ามกลางขุนเขาสะเมิงที่ตำบลบ้านปง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 พระอาจารย์รูมาเป็นผู้ดูแลงานี้ด้วยตนเองสำหรับผู้ปฏิบติธรรมตามวิถีแห่งแสงและเสียงจากประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาวและไทย ค่ายปฏิบัติธรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่พระอาจารย์รูมาจัดขึ้นในเมืองไทยและเป็นครั้งที่ 4 ของปีที่จัดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

             ค่ายปฏิบัติธรรมนี้ไม่เหมือนค่ายสมาธิที่อื่น เพราะไม่เพียงแต่มีการประทับจิตให้ผู้รับวิถีแห่งแสงและเสียงคนใหม่และนั่งสมาธิวันละ 3-4 ช่วง เป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน และยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆอีกมากมายเช่น เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษของศูนย์ฯ เล่นเกม แข่งทำอาหารมังสวิรัติและเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยพลุ จุดเทียน ร้องเพลง และลอยโคมลอยหลายร้อยดวง   นอกจากพระอาจารย์รูมาจะแสดงธรรมเทศนาแล้ว พระอาจารย์ยังเป็นกันเองกับลูกศิษย์ และยังทำอาหารมังสวิรัติแสนอร่อยและตักอาหารให้ลูกศิษย์ทุกคนด้วยตัวเองอีกด้วย ศิษย์ผู้ประทับจิตใหม่ต่างพากันทึ่งที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพระอาจารย์ผู้ที่สูงส่งด้านจิตวิญญาณและยังเป็นมิตรและให้ความเมตตาแก่ศิษย์ทุกคน

            ที่ค่ายปฏิบัติธรรม ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเหมือนปกติ แต่กิจกรรมทุกอย่างต่างมีความหมายและเปี่ยมด้วยพรจากพระอาจารย์ พวกเราสามารถรู้สึกได้ในจิตวิญญาณถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่พระอาจารย์มีต่อทุกคนจากความเป็นกันเองและน้ำใจของพระอาจารย์ พวกเราต่างรู้สึกตื้นตันและขอบคุณที่ได้รับพระกรุณาอันยิ่งใหญ่นี้

           เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ มีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าพระอาจารย์รูมาและเหล่านักบวชได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำให้สถานที่สวยงามสะดวกสบายสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมเท่าไร พระอาจารย์รูมาออกแบบและทำโต๊ะสนามด้วยตัวท่านเอง และสอนให้ลูกศิษย์นักบวชทำเป็น โต๊ะเหล่านี้ทำขึ้นด้วยความใส่ใจจากพระอาจารย์ที่ต้องการให้ทุกคนมีที่นั่งผ่อนคลายสบายๆและรับประทานอาหารหลังจากนั่งสมาธิหลายชั่วโมง โต๊ะเหล่านี้ถูกจัดวางไว้ที่สนามหญ้ากลางสวนของศูนย์ฯ

            นอกจากนี้พระอาจารย์รูมาและเหล่าศิษย์ยังทำตู้น้ำดื่มสามตู้ไว้ตามทางเดินของศูนย์ฯสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมให้ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็นได้จากตู้น้ำเหล่านี้ การสร้างตู้น้ำเหล่านี้มาจากความทรงจำของพระอาจารย์รูมาขณะที่ท่านเดินทางไปแสวงหาสัจธรรมในประเทศต่างๆเช่น อินเดีย พม่า ศรีลังกา เป็นต้น พระอาจารย์รูมาได้พบชาวบ้านวางไหน้ำดินเผาบรรจุน้ำสะอาดไว้ตามข้างทางเพื่อให้ผู้เดินทางผ่านไปมาได้ดื่มกิน พระอาจารย์รูมาเคยดื่มน้ำจากไหน้ำเหล่านี้ ซึ่งช่วยบรรเทาความกระหายและเป็นกำลังใจให้มีเรี่ยวแรงเดินทางค้นหาสัจธรรมต่อไปเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ ดังนั้นพระอาจารย์จึงต้องการทำประโยชน์ให้เหล่าผู้ปฏิบัติธรรมที่จริงใจในค่ายปฏิบัติธรรมนี้ให้มากที่สุด

            พระอาจารย์รูมาไม่เหมือนพระอาจารย์ท่านอื่น ท่านจัดการและทำงานทุกอย่างด้วยตนเองร่วมกับเหล่านักบวช เช่น ปลูกต้นไม้ ก่อสร้างเวที ตกแต่งสนามและต้นคริสต์มาส เป็นต้น เมื่อพวกเราได้เห็นพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบันทำงานหนักทั้งร่ายกายและจิตวิญญาณเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษย์ พวกเราก็รู้สึกตื้นตันและสำนึกในพระกรุณาของท่านที่ประทานให้พวกเรา

            ในช่วงสรุปของค่ายปฏิบัติธรรม พระอาจารย์รูมาได้บอกผู้ปฏิบัติธรรมว่าช่วงปลายปี 2555 ถึง 2556 นั้นเป็นช่วงวิกฤตของโลกมนุษย์ซึ่งมีกรรมมากมายคุกคามโลกของเราอยู่ แต่พระอาจารย์ได้ให้กำลังใจและความหวังต่อพวกเราว่าพวกเราสามารถช่วยโลกได้ด้วยการปฏิบัติและความตั้งใจจริงของพวกเรา พระอาจารย์บอกว่าหากพวกเรายังคงตั้งใจปฏิบัติสมาธิด้วยวิถีแห่งแสงและเสียงอย่างจริงใจ ยึดถือศีล 5 รับประทานมังสวิรัติตลอด และสวดอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าหรือพระเจ้า หรือใครก็ตามที่พวกเรานับถือที่สุด กรรมก็จะบรรเทาลง และพวกเราสามารถช่วยโลกที่สวยงามของพวกเราให้ดำรงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานต่อไป