พระอาจารย์รูมาไปเยี่ยมและเทศนาที่วัดไตรรัตนาราม
เมืองคอลเลจ พาร์ค รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
วันที่ 31  ธันวาคม 2559

 

ปี  2559 ผ่านพ้นไปพร้อมกับพรจากพระพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าและสวรรค์ ผ่านพระพุทธะที่มีชีวิตบนโลกนี้ แม้ว่าปีนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงและเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า อิตาลี พายุและน้ำท่วมในหลายประเทศ แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลก ต้องขอบคุณพลังจากพระพุทธเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองโลกของเราและรักษาสันติภาพบนโลกนี้

 

ปี 2559เป็นปีที่พระอาจารย์รูมาและเหล่าคณะสงฆ์ของท่าน รวมทั้งศิษยานุศิษย์และผู้ปฏิบัติธรรมวิถีแห่งสมาธิแสงและเสียงทั่วโลกที่ร่วมกันอธิษฐานและรวมพลังจากค่ายสมาธิกรรมฐานเพื่อขจัดกรรมมืดมนและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่างๆ ปีนี้ยังเป็นปีที่ผู้ปฏิบัติธรรมวิถีแห่งแสงและเสียงต่างพัฒนายกระดับทางจิตวิญญาณด้วยพลังจากพระพุทธะที่มีชีวิตบนโลกนี้และพลังจากค่ายสมาธิกรรมฐานทั่วโลกรวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในช่วงสิ้นปี 2559 นี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่โชคดีที่ได้รับพรจากสวรรค์ที่พระอาจารย์รูมานำมาบนโลก มีการจัดค่ายกรรมฐานพิเศษฉลองปีใหม่ขึ้นที่คัลลาเว การ์เด้นส์ รีสอร์ท รัฐจอร์เจีย  ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2559 ถึง 1  มกราคม 2560 มีผู้ปฏิบัติธรรมวิถีแห่งแสงและเสียงจากทั่วโลกกว่า 200 คนที่มาร่วมศึกษาบำเพ็ญทางจิตวิญญาณด้วยการทำสมาธิแสงและเสียง และอธิษฐานให้โลกนี้มีสันติสุข ตลอดอาทิตย์นั้น ทุกคนต่างอิ่มบุญที่ได้รับจากการทำสมาธิและได้ฟังธรรมเทศนาจากพระอาจารย์ผู้รู้แจ้ง

วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ในขณะที่ผู้คนทั่วทั้งอเมริกาต่างฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีคณะพุทธศาสนิกชนกลุ่มหนึ่งได้ไปร่วมงานบุญที่วัดไตรรัตนาราม ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อต้อนรับพระอาจารย์รูมาที่ได้มาเยี่ยมเยียนและแบ่งปันความรักความเมตตาของท่านให้กับพระสงฆ์ในงานบุญทางจิตวิญญาณครั้งนี้

วัดไตรรัตนารามที่เมืองริเวอร์เดล รัฐจอร์เจีย มีการตกแต่งสถานที่เหมือนวัดที่กัมพูชาจริงๆ


วัดไตรรัตนารามสร้างขึ้นในปี 2540 อยู่ชานเมืองเขตริเวอร์เดล ห่างจากตัวเมืองแอตแลนต้าไปทางใต้โดยขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง ที่วัดนี้มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ 3 รูป ถึงแม้ว่าวัดแห่งนี้จะอยู่ในซอยลึก แต่ก็สามารถมองเห็นสถาปัตยกรรมเขมรอันเป็นเอกลักษณ์ได้แต่ไกล วัดแห่งนี้ดูเหมือนแหล่งรวมวัฒนธรรมทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ประทับเด่นเป็นสง่าอยู่กลางวัด เหมือนเป็นศูนย์รวมที่แผ่กระจายความรักความเมตตาของพระองค์ไปให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา สวนในวัดยังประดิษฐานรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู เช่นพระแม่ธรณีบีบมวยผม และพระพรหมซึ่งญาติโยมชาวไทยนำมาถวายจากประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นฤาษี เทพเทวดาและ12 นักษัตร เมื่อได้เข้าไปที่วัด ข้าพเจ้าในฐานะชาวไทยพุทธ ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศของวัดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่น่าแปลกใจที่วัดนี้เป็นศูนย์รวมของเหล่าลูกศิษย์ลูกหา พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ลาว กัมพูชา พม่าและศรีลังกา ที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามาร่วมงานทางศาสนาพุทธเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น สงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย/ลาว/กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไร   ก็มีความสำคัญต่อผู้คนในยามทุกข์ เปรียบเสมือนเสาหลักให้เกาะยึดในยามที่มรสุมชีวิตพัดกระหน่ำ ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่เห็นพุทธศาสนาได้เผยแพร่ไปทุกแห่งหนในโลกนี้ แม้กระทั่งประเทศเสรี ที่ร่ำรวยทางวัตถุ และเห็นว่าความเชื่อและศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนที่นี่ก็หนักแน่นมั่นคง ไม่ต่างจากในประเทศบ้านเกิดของตนเอง

    

ญาติโยมชาวเขมรต่างมารวมกันที่วัดเพื่อร่วมงานบุญช่วงเช้าเพื่อทำบุญตักบาตรและถวายภัตตาหารให้กับพระสงฆ์ตามธรรมเนียมดั้งเดิม

เช้าวันนั้น มีพุทธศาสนิกชนชาวเขรมาที่วัดเพื่อร่วมงานบุญช่วงเช้าเพื่อทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารให้กับพระสงฆ์ หลังจากนั้น เหล่าพระสงฆ์ต่างสวดให้พรเป็นภาษาบาลีสันสกฤตตามธรรมเนียมพุทธ ลูกศิษย์พระอาจารย์รูมาที่มาร่วมค่ายสมาธิกรรมฐานก็ได้มาร่วมงานบุญครั้งนี้ ทุกคนต่างร่วมมือร่วมใจกันเตรียมสถานที่เทศนาของพระอาจารย์อย่างขยันขันแข็ง ถึงแม้อากาศเช้าวันนี้จะเย็นยะเยือก แต่ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะได้พบพระพุทธะที่มีชีวิตแห่งยุคศตวรรษที่  21 อย่างเห็นได้ชัด

                                      
เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงตรง หยาดฝนตกโปรยปรายลงมายังวัดไตรรัตนาราม ชำระล้างกรรมให้พื้นที่นั้นก่อนที่พระอาจารย์ผู้มีจิตพิสุทธิ์จะมาถึงเหมือนเช่นทุกครั้ง อากาศหนาวเหน็บ แต่พุทธศาสนิกชนและเหล่าลูกศิษย์ยังคงตั้งแถวยืนรอรับพะะอาจารย์ตั้งแต่หน้าประตูวัดจนถึงทางเข้าศาลาด้วยความศรัทธาอย่างจริงใจ เมื่อได้ยินว่าพระอาจารย์กำลังจะมาถึง ดูเหมือนทุกคนจะลืมสายฝนและอากาศที่หนาวเย็น พวกเขาต่างยืนตรง พนมมือมองไปที่รถที่ค่อยๆจอดที่หน้าประตูวัด พระอาจารย์รูมาก้าวลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่านพนมมือสวัสดีทักทายท่านเจ้าอาวาสและพระสงฆ์จากเมืองไทยที่ยืนต้อนรับท่านที่หน้าประตู และให้พรดอกไม้ที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายท่าน แต่ละก้าวที่ท่านเหยียบย่างลงบนพื้น เปรียบเสมือนแสงอาทิตย์ที่มอบความอบอุ่นให้กับบรรยากาศที่หนาวเหน็บนั้น แสงสว่างที่มองไม่เห็นที่เปล่งจากพระอาจารย์อบอุ่นดวงวิญญาณและหัวใจของพวกเรา ทุกคนค่อยๆเดินตามท่านเข้าไปในศาลาและนั่งลงบนพื้นอย่างสงบ
 

พระอาจารย์รูมาเดินเข้าไปในศาลาและทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง แผ่พลังงานอันอบอุ่นใปสลายความหนาวเหน็บในศาลานั้น

 
พระอาจารย์รูมาเดินผ่านเหล่าพุทธศาสนิกชนและญาติธรรมทั้งหลายที่นั่งอยู่ในศาลา เหล่าพระสงฆ์จากกัมพูชา ไทย ศรีลังกา พม่าที่รับนิมนต์มาร่วมงานนี้ รวมสิบรูป ต่างนั่งบนอาสนะพนมมือต้อนรับพระอาจารย์รูมาอย่างสำรวม พระอาจารย์เดินเข้ามาและทักทายเหล่าพระสงฆ์ แล้วเดินไปไหว้พระประธานและจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเริ่มต้นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ ท่านนั่งลงบนธรรมาสน์และพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง

 “พวกท่านหนาวไหม? หนาวเหรอ? พวกท่านพูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหม? ขอโทษที่อาตมาพูดภาษาเขมรไม่ได้นะ อาตมาเกิดที่กัมพูชาและใช้ชีวิตตอนเด็กที่นั่น แล้วก็ย้ายไปอยู่ประเทศเวียดนาม อาตมาต้องพลัดพลากจากพ่อแม่ เพราะกรรมเข้ามาหาเรา แล้วหลังจากนั้นอาตมาก็มาที่อเมริกา อาตมาไม่มีโอกาสได้เรียนภาษาเขมรเท่าไร อาตมาประหลาดใจที่มีคนกัมพูชาอยู่อเมริกาเป็นจำนวนมากนะ ขอบคุณที่นิมนต์อาตมามาที่นี่...  

  
ท่านเจ้าอาวาสพิเศษ คมสัน กล่าวต้อนรับพระอาจารย์รูมา


หลังจากที่พิธีกรกล่าวแนะนำประวัติย่อของพระอาจารย์รูมาแล้ว ท่านเจ้าอาวาส พิเศษ คมสัน กล่าวต้อนรับพระอาจารย์ว่า:

 “ก่อนอื่น อาตมาขอนมัสการท่านพระอาจารย์รูมา และพระสงฆ์ทั้งหลายจากวัดเขมร จอร์เจีย ในนามของคณะกรรมการวัดไตรรัตนาราม พวกเราขอเรียนทุกท่านว่า วันนี้มีพุทธศาสนิกชนจากนานาชาคิ เช่น เขมร เวียดนาม ลาว พม่า ศรีลังกา ไทย และอเมริกันมาร่วมงานสมาธิในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 สมาธิเป็นการฝึกฝนให้มีการตระหนักรู้ สามารถลดความเครียด ความกลัวและการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถ้าจิตใจไม่สงบแล้ว ภายนอกก็ไม่มีวันสงบได้ อาตมาขอขอบพระคุณพระอาจารย์รูมา เหล่าพระสงฆ์และญาติโยมทั้งหลาย ที่มาร่วมงานเทศนาและพิธีสมาธิในวันนี้ อาตมาขออวยพรให้ทุกท่านมีอายุยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จและ มีความสงบสุขในปีใหม่นี้ ขอขอบคุณ

หลังจากท่านเจ้าอาวาสกล่าวเปิดงานแล้ว ก็มีการสวดเป็นภาษาเขมรตามธรรมเนียมดั้งเดิม เป็นที่น่าประทับใจที่เห็นชาวเขมรยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของตนแม้จะอยู่ไกลบ้าน 

   
 พระอาจารย์รูมา


แล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย พระอาจารย์เริ่มเทศนาธรรม:

 “ ขอบคุณที่อดทนและมาที่นี่ในวันนี้ อาตมาขอสวัสดีทุกท่านอีกครั้ง โดยเฉพาะท่านเจ้าอาวาส พวกเราเป็นลูกของพระพุทธเจ้า พวกเราเป็นผู้ส่งสารของพระพุทธเจ้า เป็นสารแห่งความรักความเมตตาและสัจธรรมจากพระองค์มาสู่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่รู้แจ้ง ยังอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ อาตมาไม่รู้จะแบ่งปันอะไรกับพวกท่าน อาตมาคิดและเชื่ออยู่เสมอว่าพวกท่านรู้แจ้งแล้วและเข้าใจดี อาตมาไม่รู้จะพูดอะไร อาตมาบอกพวกท่านได้ว่า แม้ว่าพวกเราจะอาศัยอยู่ในประเทศเสรี หรูหราสะดวกสบาย แต่สุขภาพจิตของเราก็ยังเป็นเรื่องสำคัญมาก มันสำคัญว่าเรามีชีวิตที่สงบสุขหรือไม่ พวกเราสามารถพบสัจธรรมแห่งสมอง ปัญญาในจิตใจเราหรือไม่ แล้วเราจะไปหามาจากไหน จากใคร

สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างถามคำถามเหล่านี้มาเป็นพันๆล้านๆปีแล้วแต่ไม่มีใครค้นพบสัจธรรม ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ตอนที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ พระองค์เสาะหาสัจธรรมและแบ่งปันความรักความเมตตาจากพลังอันยิ่งใหญ่ภายในตัวพระองค์เองให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่พระองค์ปรินิพพานไปกว่า 2000 ปีมาแล้ว คนเรายังกราบไหว้พระพุทธเจ้าทุกวัน อธิษฐานต่อพระองค์ แต่ก็ยังกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ พวกเราไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้ว่าจะออกจากวัฎสงสาร ออกจากกฎแห่งกรรมได้อย่างไร
กฎแห่งกรรมควบคุมชีวิตของมนุษย์ ผู้ที่ยังไม่รู้แจ้ง ถ้าพวกเขาไม่รู้ถึงสัจธรรมจากพระพุทธเจ้า สัจธรรมอยู่ที่ไหน ที่อินเดียหรือ ภูเขาหิมาลัยหรือ ไม่ใช่หรอก อาตมามีประสบการณ์มาแล้วตั้งแต่อายุ 18 อาตมาใช้เงินพ่อแม่เกือบหมดไปกับการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาสัจธรรม แต่อาตมาก็หาไม่เจอ สุดท้ายพวกท่านต้องมองที่ภายใน พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน อินเดียใช่ไหม ไม่ใช่หรอก แต่ทุกคนคิดอย่างนั้น รวมทั้งอาตมาด้วย อาตมาคิดเสมอว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่อินเดีย อาตมาใช้เงินเยอะมากเดินทางไปทั่วอินเดีย ปีนเขาหิมาลัย อาตมาคิดว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น อาตมาปีนไปที่นั่นแต่ไม่มีอะไรนอกจากความหนาวเย็นและหิมะขาวโพลน อาตมาต้องอยู่ในถ้ำ เพื่อนๆและครอบครัวของอาตมาคิดว่าอาตมาบ้าเพื่ออาตมาอยู่ที่อเมริกา มีชีวิตที่ดี แต่กลับออกจากบ้านมาตกระกำลำบากที่นั้น ทำไมหรือ เป็นเพราะความคิดนั่นเอง...

ตอนนี้ฝนตกลงมาเป็นห่าใหญ่ ทำให้อุณหภูมิด้านนอกเย็นลงอีก แต่ในศาลากลับอบอุ่น ธรรมะจากพระอาจารย์ดึงดูดพวกเขาจากความรู้สึกหนาวเหน็บ

 “…พวกเรามักจะมองหาสัจธรรม ความหลุดพ้นที่ไกลๆ หรือไม่ก็เรายึดติดกับการอ่านตำราพระไตรปิฎกหรือพิธีกราบไหว้แต่ไม่มีใครฟังเสียงภายใน ไม่มีใครฟังเสียงธรรมชาติแห่งพระพุทธะ ไม่มีใครพยายามเข้าใจคำพูดที่พระพุทธเจ้าพยายามสอนเรา แล้วพระพุทธเจ้าสอนเราอย่างไร ใช้คำพูดของคนเราไหม?อาตมาไม่คิดเช่นนั้น สัตว์ก็มีภาษาของสัตว์ สัญญาณคลื่นสื่อสารกันและกัน พระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์ หรือพวกเราผู้ปฏิบัติธรรมต้องการสื่อสารและเข้าใจสัจธรรม พวกเราไม่ใช้คำพูดของคนหรอก พวกเรามีภาษาพิเศษในการสื่อสารเข้าใจซึ่งกันและกัน นั่นคือเสียงภายในที่เชื่อมต่อกับพระสัทธรรมและปัญญา พวกเราเรียกมันว่า ธรรมชาติแห่งพระพุทธะพวกเราเชื่อมต่อกับธรรมชาติแห่งพระพุทธะได้อย่างไร?หรือเราจะเปิดปัญญาหรือสื่อสารเกี่ยวกับพระสัทธรรมโดยไม่ใช้ภาษามนุษย์ได้อย่างไร? พวกเราทำได้โดยใช้สมาธิ ด้วยพลังของพระอาจารย์ที่สามารถเผากรรมทั้งหมดของมนุษย์ที่ได้สร้างขึ้นมากว่าพันๆล้านๆปี  

พวกเราไม่รู้จะไปที่ไหน พวกเราเกิด มีชีวิตอยู่แล้วตายไป ชาตินี้ ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นกษัตริย์ มหาเศรษฐี พระสงฆ์ ครู คนจน คนทุกข์ยากหรือคนปกติธรรมดา ทุกคนก็อยู่ในสถานะเดียวกัน พวกเรายังคงเวียนว่ายตายเกิดเป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาล แม้ว่าพวกเราจะเป็นเทพเทวดา หรือพระโพธิสัตว์ ก็ยังอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ถ้าพวกเราไม่หลุดพ้น พวกเราก็ยังอยู่ในกฎแห่งกรรมที่ควบคุมพวกเราอยู่ กฎแห่งกรรมจะมอบความจน ความรวย อำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ นายกรัฐมนตรี หรืออะไรก็ตาม มันอาจจะมอบสติปัญญาความฉลาดให้เราแล้ววันหนึ่งก็เอากลับคืนไป พวกท่านเห็นมีใครไม่ตายบ้างไหม? ไม่มี พวกเราต้องใช้ร่างกายของพวกเราถึงแม้ว่าเราจะเป็นบุคคลพิเศษ ไม่ว่าชาตินี้ท่านจะร่ำรวยหรือยิ่งใหญ่ขนาดไหน ท่านก็ยังเป็นทุกข์เพราะว่าท่านอยู่ในเอื้อมมือของกฎแห่งกรรม พวกท่านยังต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรมถ้าพวกท่านไม่สามารถล้างกรรม ขุดรากถอนโคนกรรมของท่านได้ ไม่ว่าท่านจะรวยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด จะเป็นพระราชาหรือมหาเศรษฐีพันล้าน พวกท่านก็ยังต้องตาย เวียนว่ายตายเกิดตามกฎแห่งกรรม...” 

  


ถ้าพวกเราไม่หลุดพ้น พวกเราก็ยังอยู่ในกฎแห่งกรรมที่ควบคุมพวกเราอยู่ กฎแห่งกรรมจะมอบความจน ความรวย อำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ นายกรัฐมนตรี หรืออะไรก็ตาม มันอาจจะมอบสติปัญญาความฉลาดให้เราแล้ววันหนึ่งก็เอากลับคืนไป พวกท่านเห็นมีใครไม่ตายบ้างไหม? ไม่มี” – พระอาจารย์รูมา

ทุกคนในศาลานั่งฟังธรรมจากพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งอย่างตั้งอกตั้งใจ สัจธรรมที่พระอาจารย์แบ่งปันนั้นเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหมายล้ำลึก พระอาจารย์เล่าเรื่องเป็นตัวอย่าง:

 “…เหมือนอเล็กซานเดอร์ นายพลชื่อดังของอินเดียอาตมาคิดว่าพวกท่านรู้ประวัติศาสตร์ดี เขาเป็นนายพลที่เก่งกาจมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งยังร่ำรวยและฉลาดมาก เมื่อบั้นปลายชีวิต เขาเป็นมะเร็งรักษาไม่หาย เขามีลูกสาวที่อยู่อีกเมืองหนึ่งห่างไกลออกไป เขาขอร้องหมอทุกคนว่าถ้าใครสามารถยืดอายุของเขาต่อไปได้อีก   3 วันเพื่อรอให้เห็นหน้าลูกสาวครั้งสุดท้ายก่อนตาย เขาจะแบ่งสมบัติทั้งหมดหรือครึ่งหนึ่งให้ แต่ไม่มีใครสามารถยืดชีวิตเขาได้ ก่อนเขาตาย เขาจึงบอกให้คนแห่ศพเขาไปทั่วเมือง เพื่อให้ทุกคนเห็นว่า ถึงแม้เขาจะมีอำนาจมหาศาล มีเงินทองเท่าภูเขา  แต่เมื่อตายไปก็ไปมือเปล่า ไม่เหลืออะไรและไม่รู้ว่าหลังจากตายไปแล้วเขาจะไปที่ไหน เขาไม่รู้ว่าจะเรียกหาใครและไม่รู้ว่าคนนั้นจะมารับเขาหรือไม่...   

“…พวกท่านเห็นไหม? ทุกคนที่ถูกกฎแห่งกรรมควบคุมก็เป็นเช่นนั้นแหละถ้าพวกท่านรู้วิธีควบคุมสมองหรือควบคุมกรรม แล้วเราจะสามารถขจัดกรรมและหลุดพ้นได้ พวกเราจะกลับไปยังดินแดนแห่งพระพุทธะ จะเป็นอิสระ พวกเราเรียกว่า การหลุดพ้น เรามีชีวิตที่เชื่อมต่อกับพลังแห่งพระพุทธเจ้า พลังแห่งปัญญา พลังสูงสุดภายในตัวสรรพสัตว์ทั้งหลาย สวรรค์อยู่ในนั้นแหละ ดินแดนแห่งพระพุทธะอยู่ที่นั้น แต่ไม่มีใครเข้าใจ ทุกคนได้แต่มองไปข้างนอก ใช้แต่สมองคิดว่าเราเก่งแล้วเราดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่านาทีถัดไปจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา อะไรที่นำพาสิ่งต่างๆเข้าสู่ชีวิตเรา? กฎแห่งกรรม เราไม่รู้จะทำอย่างไร …”

ทั้งศาลาเงียบสงัด ทุกคนตั้งใจฟังสิ่งที่พระพุทธะแห่งยุคแบ่งปันอย่างจดจ่อ พระอาจารย์พูดต่อว่า:

 “…วันนี้อาตมามาที่นี่เพื่อเตือนพวกท่านให้มองเข้าไปภายในจิตของตัวเองเพื่อเข้าสู่สมาธิ การทำสมาธินั้นไม่ใช้คำพูดใดๆ ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นใคร  ทุกคนก็เหมือนกันทั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าหรือพระพุทธเจ้าอยู่ภายในตัวเราเสมอ พลังแห่งความรักความเมตตาก็อยู่ภายในตัวเรา โปรดใช้เวลาวันละ 1-2 ชั่วโมง มามองดูภายในตัวเอง ค้นหาสัจธรรม ค้นหาความสงบในจิตใจ พวกเราไม่ต้องสวดอธิษฐานขออะไรทั้งนั้น พวกเราไม่ต้องการอะไรหรอก พวกเรามีเพียงพอในการดำรงชีวิตแล้ว พวกเรามีชีวิตอยู่ อยากได้นั่นอยากได้โน่น พวกเราอธิษฐาน พวกเราขอความสงบสุข ทั้งด้านสมอง ด้านจิตใจและชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่สรรพสัตว์ขอ แต่คำอธิษฐานหรือความหวังนั้นไม่เป็นจริง   

ทำไมหรือ? เป็นเพราะพวกท่านไม่ได้เชื่อมต่อกับพระวัจนะจากพระพุทธเจ้าหรือจากสวรรค์ แม้ว่าพวกเราจะสวดอธิษฐานอย่างจริงใจ แล้วคำขอนั้นไปถึงหรือไม่? พวกท่านขาดการเชื่อมต่อกับพลังของสวรรค์ ทำให้พวกเราอธิษฐานทุกวันด้วยใจจริง แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ นั่นเป็นเพราะพวกเรามีชีวิตอยู่และถูกความไม่รู้แจ้งปิดบังไว้ พวกเรามีชีวิตในความมืด ใช้แต่สมอง ไม่ใช้ปัญญา พวกเรามีปัญญา มีพลังนั้นแต่พวกเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริง พวกเราเกิดมา มีชีวิตอยู่แล้วก็ตายไป นั่นคือกฎแห่งกรรม ที่มอบชีวิตให้สรรพสัตว์ เขาจะเอาคืนได้ทุกเมื่อ เขาจะทำให้พวกท่านร่ำรวยได้ทุกนาที แล้วก็ทำให้จนได้ในเสี้ยววินาที และยังเอาชีวิตพวกท่านไปได้ทุกเมื่อ
ทุกอย่างมีสองด้าน: ดำ/ขาว เกิด/ดับ สว่าง/มืด นั่นเป็นกฏ ใครอยากมีชีวิตอยู่ในความมืด? ไม่มีใครหรอก ใครอยากตาย? วิญญาณเราเป็นอมตะ ไม่ตาย พอละสังขาร พวกเราก็กลับคืนสู่บ้านเดิมแท้ กฎแห่งกรรมทำให้พวกเราเวียนว่ายตายเกิดเป็นคนรวย คนฉลาด เป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ ก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม

วันนี้ อาตมาขออธิษฐานให้พวกท่านทั้งหลายและแบ่งปันความรักความเมตตากับพวกท่าน ทุกคนมีพลังอยู่ภายใน จงมองเข้าไปในจิตใจของเราเอง นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ และตั้งจิตให้มั่น พวกท่านจะเห็นความรักที่สวยงาม ความสงบในจิตใจ และกรรมจะสลายไป เราจะมีความสงบ ถ้าพวกท่านอยากศึกษาการทำสมาธิ อาตมายินดีแบ่งปัน นั่นไม่ได้มาจากอาตมา แต่ทุกอย่างมาจากพวกท่านเอง

เอาละ อาตมาพูดจบแล้ว ถึงแม้จะพูดเป็นล้านปีก็ไม่เหมือนเราพูดแค่คำเดียว ถึงแม้เราพูดเป็นล้านคำ แต่ก็ไม่สามารถบรรยายความรู้แจ้ง ความรัก ความเมตตาได้ นั่นเป็นสาเหตุที่อาตมามาที่นี่เพื่อแบ่งปันความรักความเมตตากับพวกท่าน สมองและความคิดนั้นเป็นกรรม จงให้อภัย ปล่อยวาง มีชีวิตที่สงบสุขด้วยความรักความเมตตาจากพระพุทธเจ้า จากสวรรค์...

      

เหล่าพระภิกษุจากนานาชาติและญาติโยมต่างนั่งฟังธรรมจากพระอาจารย์รูมาอย่างตั้งอกตั้งใจ


พระอาจารย์รูมามองที่เหล่าพระภิกษุสงฆ์จากหลายประเทศที่นั่งฟังธรรมเทศนาอย่างสงบ และกล่าวชื่นชมพวกท่านว่า:

 “อาตมาขอขอบคุณพวกท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งที่มาฟังในวันนี้  และขอบคุณท่านเจ้าอาวาสและเหล่าผู้ส่งสารจากพระพุทธเจ้าผู้อุทิศชีวิตเพื่อแบ่งปันความรักความเมตตาของพระพุทธองค์ให้กับเหล่าสรรพสัตว์และสานุศิษย์ทั้งหลาย มีผู้คนมากมายในโลกนี้ โดยเฉพาะชาวเวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว ไทย ต้องชีวิตที่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน พวกเขาคิดถึงบ้าน คิดถึงแผ่นดินทอง แต่พวกเขากลับไปอยู่บ้านเกิดไม่ได้ พวกท่านจึงเป็นเหมือนแสงสว่างสำหรับพวกเขา เมื่อพวกเขาเห็นผ้าจีวรสงฆ์ ก็หมายความว่าพวกเขาเห็นพระพุทธเจ้า พวกเขาเห็นผ้าจีวรสีเหลือง เห็นหน้าพวกท่าน เห็นความเมตตาจากพวกท่าน เห็นชีวิตของพวกท่าน เห็นว่าเราอุทิศชีวิตของเราและเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสรรพสัตว์ นั่นหมายความว่าพวกเขาเห็นพระพุทธเจ้า พวกเขาเห็นพระสัทธรรม

อาตมาขออธิษฐานให้พวกท่านปฏิบัติธรรมต่อไป เพื่อส่งมอบสารแห่งความรักความเมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย และสร้างวัดให้มากขึ้น เพื่อเผยแพร่พระธรรมของพระพุทธเจ้าไปทั่วโลก เมื่ออาตมาไปที่กัมพูชา ลาว และพม่า ก็เห็นพระสงฆ์มากมาย บางรูปก็มีปัญญามาก แต่พวกเขาไม่มีโอกาสเดินทางออกไปเผยแพร่ธรรมะ พวกเรามีวัดเขมรที่นี่ดีมากนะ ชาวกัมพูชาก็ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ แม้ว่าเขาจะมีเงินมีทอง แต่ก็ยังต้องมีที่พึ่งทางจิตวิญญาณ ถึงแม้เขาจะมีบ้านมีครอบครัว แต่เขาก็ยังทุกข์ เวลาท่านเป็นทุกข์แล้วจะเรียกหาใคร?ถ้าไม่มีวัด พวกท่านจะไปที่ไหน? พวกท่านจะอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว นั่นคือสาเหตุที่วัดมีความสำคัญมาก อาตมาหวังว่าพระสงฆ์ทั้งหลายที่นี่จะเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธเจ้ามากยิ่งๆขึ้น   ตอนที่อาตมาไปที่กัมพูชา อาตมาหวังว่าวันหนึ่งจะมีพระสงฆ์จำนวนมากเดินทางไปเผยแผ่ธรรมะ ทำให้ทั่วโลกมีความรัก ความเมตตากรุณาและสันติสุข ไม่เช่นนั้นจะเกิดภัยพิบัติทุกแห่งหน ดังนั้น พระสงฆ์จึงมีความสำคัญมาก อาตมาหวังว่าพระสงฆ์ทั้งหลายจะดำเนินชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัตร์ต่อไป อาตมาสนับสนุนพวกท่านเต็มร้อย อาตมาอธิษฐานให้พวกท่านทุกวัน พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ขอบคุณพวกท่านที่อดทนและสละเวลามาที่นี่

นอกจากการมาเยือนพร้อมกับธรรมเทศนาอันล้ำค่าที่พระอาจารย์รูมานำมาแบ่งปันในวันนี้ ท่านยังนำสังฆทานมามอบให้พระสงฆ์พร้อมปัจจัยถวายวัดเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างวัดใหม่ของวัดไตรรัตนารามด้วย

 “…อาตมาหวังว่าจะสร้างวัดใหม่เสร็จโดยเร็วและเหล่าญาติโยมทั้งหลายจะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นที่พึ่งทางใจ พวกเราสามารถสร้างดินแดนแห่งพระพุทธะที่นี่ เอาละ อาตมาขอขอบคุณพวกท่านทั้งหลายอีกครั้ง…”

  
พระอาจารย์รูมามอบปัจจัยให้กับท่านเจ้าอาวาสเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างวัดใหม่


ก่อนจากไป พระอาจารย์ทำพิธีดั้งเดิมตามธรรมเนียมทิเบตด้วยการสวดอธิษฐานขอสันติภาพบนโลกและสันติสุขในชีวิตพวกเราพร้อมกับตีระฆังทิเบต เสียงนั้นสะท้อนก้องกังวาลไปทั่วศาลาและทะลุทะลวงไปในจิตวิญญาณของทุกคน คลื่นเสียงสั่นสะเทือนขจัดพลังลบและมลทินต่างๆในสมองและจิตใจของพวกเขา สร้างความสงบในจิตใจอย่างที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หลังเสร็จพิธี ก็เป็นเวลาที่ต้องจากกัน ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่พระอาจารย์รูมามาที่วัดนี้ แต่ทุกคนก็กราบไหว้พระอาจารย์ผู้รู้แจ้งด้วยความเคารพจากใจจริง พวกเขาต่างประทับใจที่ได้ฟังสัจธรรมแท้จริงที่พระอาจารย์แบ่งปันด้วยปัญญาอันลึกล้ำของท่าน ญาติธรรมทั้งหลายต่างก้มลงกราบพระอาจารย์ด้วยความเคารพในขณะที่ท่านเดินออกจากศาลาไป

พระอาจารย์กลับไปแล้ว แต่ความรู้สึกสงบสุขและปิติอิ่มเอิบใจจากการที่ได้พบพระพุทธะที่มีชีวิตและได้ฟังธรรมจากท่านยังอบอวลอยู่ในหัวใจของพวกเขา พวกเราสังเกตเห็นผู้คนส่วนมากมีใบหน้าที่สว่างไสวและยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น ท่านเจ้าอาวาส พิเศษ คมสัน มีสีหน้าสดใส พร้อมรอยยิ้มสว่างไสวบนใบหน้า ท่านบอกพวกเราว่าวันนี้ท่านมีความสุขมาก ท่านรู้สึกรักใคร่และเคารพนับถือพระอาจารย์รูมาเป็นอย่างมาก ท่านบอกว่าท่านไม่เคยฟังธรรมะจากพระสงฆ์รูปใดที่แสดงธรรมเหมือนพระอาจารย์รูมามาก่อน ท่านหวังว่าพระอาจารย์จะกลับมาเยี่ยมวัดนี้อีกในโอกาสหน้า

                              

วันนี้ทุกคนไม่ได้แค่อิ่มบุญจากการฟังธรรมะจากพระอาจารย์ผู้เปี่ยมปัญญา แต่พวกเขายังอิ่มท้องด้วยอาหารมังสวิรัติที่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์เตรียมมาให้พวกเขา พระอาจารย์รูมาสั่งลูกศิษย์ให้ทำอาหารลาวมาให้ญาติธรรมทั้งหลายรับประทานในงานวันนี้
มีคนถามว่า ทำไมพระอาจารย์มาที่วัดกัมพูชาที่อเมริกา ทั้งๆที่มีสถานที่มากมายที่ท่านจะไปเยี่ยมได้? พระอาจารย์ตอบว่า พระพุทธเจ้าบอกให้ท่านมาที่วัดเขมรแห่งนี้ เพื่อพบคนที่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน ณ ที่แห่งนี้ พระพุทธองค์บอกพระอาจารย์ให้มาแบ่งปันความรักความเมตตากับพวกเขาและดูว่ามีใครบ้างที่เข้าใจและเปิดใจต้อนรับท่าน

วันนี้ ภารกิจของพวกเราสิ้นสุดลง พระอาจารย์รูมาเดินทางมาที่นี่พร้อมกับเยี่ยมคนที่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน และนำแสงสว่างและคลื่นเสียงจากสวรรค์มาให้พรสถานที่แห่งนี้ จุดแสงสว่างให้กับจิตวิญญาณของพวกเขาและชำระล้างกรรมของพวกเขาไป พวกเราดีใจที่วันนี้ ชาวเขมรผู้อยู่ห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอน ได้มีโอกาสที่หายากยิ่งนักที่จะได้พบพระพุทธะที่มีชีวิตที่มาพบพวกเขาถึงที่นี่ พวกเขาต้องมีบุญสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพระอาจารย์เป็นแน่

พวกเรา คณะศิษย์ของพระอาจารย์รูมา โชคดีที่ได้มีโอกาสติดตามท่านมาร่วมงานจิตวิญญาณที่เปี่ยมบุญในวันนี้ พวกเรารู้สึกสำนึกในพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นของท่านที่ให้โอกาสอันหายากนี้กับพวกเรา พวกเราได้รับรู้ถึงความสำคัญของศาสนาต่อจิตวิญญาณของมนุษย์ และความงดงามของขนบธรรมเนียมทางพุทธศาสนาที่ชาวกัมพูชารักษาไว้อย่างดีงาม วัดวาอารามเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าเราจะมีเชื้อชาติ ศาสนาใด แต่จิตวิญญาณของเราเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออาศัยอยู่ที่ไหน ทุกคนต่างเสาะหาความสงบในจิตใจเหมือนกันหมด ดังนั้น คนเราต้องดูแลจิตวิญญาณของเราควบคู่ไปกับร่างกายนี้ การศึกษาบำเพ็ญธรรมวิถีที่ถูกต้องพร้อมกับการมีพระอาจารย์ที่แท้จริงคอยชี้แนะนำพาให้เราเดินบนหนทางสู่ความหลุดพ้นนั้นมีความสำคัญมาก ที่ทำให้มนุษย์ดำเนินชีวิตต่อไปบนโลกที่ไม่บริสุทธิ์และไม่เที่ยงนี้ พวกเราช่างโชคดีที่ได้พบพระอาจารย์ที่แท้จริงและมีธรรมวิถีที่ถูกต้องอยู่ในมือ   พวกเราขอขอบคุณพระอาจารย์รูมาที่เคารพรักของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง ที่มอบความรักความเมตตาให้กับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกนี้ โอม!รูมา!