พรเพื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิต 

พระอาจารย์รูมาไปเยี่ยมและเทศนาที่บ้านพักคนชราจังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย

17 ตุลาคม 2556

   

     หลังจากพระอาจารย์รูมาได้ไปเยือนอุดรธานีเป็นครั้งแรก วันที่ 17 ตุลาคม 2556 พระอาจารย์รูมาไปเยี่ยมและเทศนาที่บ้านพักคนชรา อุดรธานี สมาคมนักบุญวินเซนเดอปอล นายเสรี วงษ์วิไลวารินทร์ ประธานบ้านพักคนชราคนปัจจุบันและจสอ.วิโรจน์ ชำนาญฤทธ์ รองประธาน มารอต้อนรับพระอาจารย์รูมาอย่างอบอุ่น

 

นายเสรี วงษ์วิไลวารินทร์ ประธานบ้านพักคนชราคนปัจจุบันและจสอ.วิโรจน์ ชำนาญฤทธ์ รองประธาน มาต้อนรับพระอาจารย์รูมาอย่างอบอุ่น
 

     พระอาจารย์ก้าวเข้าไปยังห้องโถงซึ่งค่อนข้างอบอุ่น  เดินผ่านแถวรถเข็นที่คนชรากำลังรอต้อนรับท่าน พวกเราเหล่าศิษย์ของพระอาจารย์รู้สึกประทับใจต่อความเมตตา ความปิติยินดีและเห็นอกเห็นใจคนชราเหล่านี้ พวกเราเข้าใจว่าชีวิตที่พวกเขาต้องเผชิญอยู่บนโลกต้องประสบกับความทุกข์ ความเหงา ไม่มีคนดูแลแต่พวกเราก็ดีใจที่เมื่อยามไม้ใกล้ฝั่ง พวกเขายังมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบัน นี่เป็นพรอันประเสิรฐสุดในชีวิตพวกเขา ท่านประธานบ้านพักคนชราได้แนะนำประวัติความเป็นมาของโครงการสถานสงเคราะห์คนชรา “บ้านพักคนชรา – อุดรธานี” ว่า บ้านพักคนชราได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่บริเวณวัดคาทอลิกคุ้มบ้านจิก อุดรธานี เพื่อเป็นที่พักพิง ให้ความช่วยเหลือและดูแลคนชราอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ญาติ ขาดที่พึ่งและยากจน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาหรือเชื้อชาติใด ให้ได้รับการบริการด้านอาหารและปัจจัยต่างๆที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ดูแลด้านสุขภาพ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้สมดุลและมีความสุขในบั้นปลายชีวิต

     สมาคมนักบุญวินเซนเดอปอลมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือคนชราแต่ยังให้ความช่วยเหลือแก่คนยากไร้และเด็กกำพร้า ในตอนแรกบ้านพักคนชราเป็นเพียงบ้านเล็กๆที่รองรับคนได้เพียง 10 คน เป็นชาวเวียดนามที่อพยพมาอยู่ประเทศไทย พวกเขาสูญเสียลูกเมีย ไร้ญาติขาดมิตร จึงต่างมาอาศัยอยู่ร่วมกันที่นั่น หลังจากนั้น เมื่อมีสมาชิกคนชราเพิ่มมากขึ้นจึงได้ย้ายมายังบริเวณบ้านเณรสันติราชาในปี 2545จนถึงทุกวันนี้

     พระอาจารย์หลับตาลงและฟังการแนะนำบ้านพักคนชราอย่างตั้งใจ ถึงแม้ท่านจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่สีหน้าที่เคร่งขรึมและเปี่ยมด้วยเมตตาของพระอาจารย์ไม่สามารถซ่อนความเห็นอกเห็นใจคนชราเหล่านี้ได้ ด้วยปัญญาพุทธะของพระอาจารย์ผู้รู้แจ้งเห็นจริงในทุกสรรพสิ่ง ท่านรู้ได้ว่าทำไมคนชราที่นี่จึงต้องทนทุกข์ยากลำบากตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้


     พระอาจารย์ต้องการให้ทุกคนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด จึงได้เริ่มการสนทนาธรรมด้วยการเล่าเรื่องราวในวัยเยาว์:

     “อาตมาเป็นชาวเวียดนามแต่เติบโตขึ้นที่ประเทศอเมริกา อาตมาโชคดีที่อาศัยอยู่ในครอบครัวชาวคริสต์ พ่อแม่บุญธรรมของอาตมาพาอาตมาไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ พวกท่านอาจสงสัยว่าอาตมาโตมากับครอบครัวคริสเตียนแล้วทำไมมาบวชเป็นพระในศาสนาพุทธใช่ไหม? เพราะว่าไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาอะไร นั่นเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น เหตุผลที่อาตมามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนและอวยพรให้พวกท่านมีความสุขในบั้นปลายชีวิต ชีวิตนั้นแสนสั้นเปี่ยมด้วยความทุกข์ยาก ไม่ว่าพวกท่านจะนับถือศาสนาอะไร พวกท่านจะรู้ว่าการหาหนทางหลุดพ้นนั้นทำได้ยากมาก


     “ในชาตินี้ พวกท่านต้องอยู่คนเดียวไม่มีญาติ เป็นเพราะสิ่งที่พวกท่านทำในชาติก่อน ตอนนี้พวกท่านต้องรับผลแห่งกรรม อาตมามาที่นี่เพื่อแบ่งปันและเตือนพวกท่านให้ลืมความหลัง ให้อภัยทุกคนและให้อภัยตัวเอง ขอให้พวกท่านใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ สบายและแข็งแรง พระเจ้าอยู่เคียงข้างพวกเราเสมอ พระเจ้าผู้ทรงเมตตาอารีปกป้องคุ้มครองพวกเราเสมอ...

           

พระอาจารย์รูมาอวยพรให้ทุกคนที่บ้านพักคนชรามีความสงบสุขและสุขภาพแข็งแรงในบั้นปลายชีวิต

   
     ในกลุ่มผู้ฟังบางคนก็โชคดีที่เข้าใจคำพูดของพระอาจารย์ แต่บางคนก็ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เพราะว่าแก่เกินไป บางคนก็เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น บางคนจำไม่ได้แม้แต่ตัวเอง ดังที่พระอาจารย์กล่าวว่า“ธรรมชาติเดิมแท้ของพวกเรานั้นกระจ่างใส เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาจากจักรวาล” พวกเราเชื่อว่าธรรมชาติพระพุทธะภายในพวกเขาคงดีใจที่ได้รับฟังคำเทศนาอันล้ำค่าจากพระอาจารย์ สิ่งที่พระอาจารย์ได้นำมามอบให้ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความรักความเมตตาและเงินบริจาคจากท่านเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด พระอาจารย์ได้มอบของขวัญทางจิตวิญญาณอันล้ำค่าแก่ทุกคนที่นี่และนั้นคือของขวัญที่ดีที่สุดชิ้นสุดท้ายในชีวิตพวกเขา


ทุกคนที่บ้านพักคนชราร้องเพลงร่วมกันเพื่อแสดงความขอบคุณแก่การมาเยือนของพระอาจารย์

     บรรยากาศในห้องประชุมเหมือนจะอบอุ่นขึ้นและเต็มไปด้วยความสุขเมื่อทุกคนร้องเพลงร่วมกันเนื่องในโอกาสที่พระอาจารย์มาเยี่ยม มีเพลงพิเศษที่ขับร้องโดยคุณยายคนหนึ่ง คุณยายท่านนี้จำไม่ได้แม้แต่ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ยังร้องเพลงถวายพระอาจารย์ได้ พระอาจารย์เป็นบิดาแห่งจิตวิญญาณภายในดวงวิญญาณของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงแสดงความขอบคุณจากใจจริงด้วยการกระทำที่เรียบง่าย
 

                  

  คุณยายท่านนี้จำชื่อตัวเองไม่ได้แต่ยังร้องเพลงถวายพระอาจารย์ได้

 

     พระอาจารย์ยิ้ม มองดูทุกคนด้วยสายตาอันเปี่ยมด้วยความเมตตาและแสดงธรรมก่อนกลับ อาตมามีเรื่องอยากเตือนพวกท่านสองสามอย่าง ขอให้พวกท่านใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือในชีวิต เมื่อวาระสุดท้ายของพวกท่านมาถึง อาตมาจะเป็นตัวแทนพระผู้มีพระภาคเจ้ามารับพวกท่านกลับสู่แดนสวรรค์ พวกท่านจะไม่ต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป ความเหงานั้นเกิดจากความคิดเท่านั้น ทั้งสวรรค์ พระผู้เป็นเจ้าและพระพุทธเจ้าอยู่เคียงข้างพวกท่านเสมอ ในวาระสุดท้ายของพวกท่าน พระผู้เป็นเจ้าจะมารับพวกท่านกลับบ้าน นี่คือสิ่งที่อาตมาต้องการบอกพวกท่าน เพราะว่าพวกท่านกำลังทุกข์ พวกท่านจึงลืมพระเจ้าหรือจักรวาลไฟ แต่เมื่อพวกท่านมองกลับไป พวกท่านจะเห็นพระเจ้าผู้ทรงงดงามยิ่ง...

                      

ทุกคนต่างฟังคำเทศนาจากพระอาจารย์อย่างตั้งใจ

พระอาจารย์บริจาคเงินจำนวน 30,000 บาทแก่บ้านพักคนชรา เป็นการปลอบประโลมและหยิบยื่นความเมตตาแก่คนชรา
 

     พระอาจารย์กล่าวว่า ถึงแม้ท่านจะเป็นพระสงฆ์ แต่ท่านไม่รับของถวายใดๆทั้งสิ้น ท่านมอบทรัพย์สมบัติที่ท่านได้รับมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ของท่านหรือเงินบริจาคจากลูกศิษย์ทั่วโลกให้กับมวลมนุษย์ พระอาจารย์เดินทางไปทุกแห่งทุกหนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังลำบากยากเข็ญหรือทนทุกข์และแบ่งปันความรักความเมตตาและพรจากสวรรค์ด้วยการเตือนทุกคนให้ระลึกถึงธรรมชาติแห่งพระพุทธะภายในตัวเอง รับประทานมังสวิรัติและเจริญสมาธิเพื่อเดินบนหนทางแห่งการหลุดพ้น พระอาจารย์ยังแสดงความชื่นชมอาสาสมัครที่มีจิตเมตตาอุทิศชีวิตเป็นเวลา 37 ปีเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราแห่งนี้

บ้านพักคนชรา จังหวัดอุดรธานีได้อุปถัมภ์คนชรา 37 คน แต่บางคนได้เสียชีวิตไป ขณะนี้มีผู้สูงอายุพักอยู่ที่นี่ 25 คน

     หลังจากพระอาจารย์รูมามาเยือนที่บ้านพักคนชราและได้เห็นความเมตตาที่ท่านมอบให้แก่เหล่าผู้สูงอายุที่นี่ พวกเรานึกถึงเรื่องที่พระอาจารย์เล่าให้พวกเราฟังเมื่อสมัยที่ท่านอยู่ที่อเมริกา ตอนนั้นท่านก็เป็นอาสาสมัครและมักไปที่บ้านพักคนชรา ช่วยดูแล หวีผม ทำผมทำเล็บให้คุณยาย พวกผู้สูงอายุต่างรักพระอาจารย์ ถ้ามีโอกาสพระอาจารย์จะไปช่วยเหลือพวกเขาตลอด ตอนนั้นพระอาจารย์ยังไม่รู้แจ้ง แต่ตอนนี้ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้รู้แจ้ง เป็นพระพุทธะในยุคปัจจุบัน สิ่งที่ท่านได้มอบให้กับคนชราจึงมีค่ามากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ความเมตตาและพรจากสวรรค์ผ่านคำพูดของพระอาจารย์นั้นล้ำค่ายิ่งนัก  คำสั่งสอนของท่านไม่อาจมีคำใดๆมาอธิบาย พวกเรารู้สึกดีใจแทนคนชราเหล่านี้ที่ในบั้นปลายชีวิตของพวกเขายังมีโอกาสได้รับพรอันประเสริฐนี้ พวกเราหวังว่าผู้ที่มีโชคชะตาเดียวกันจะมีโอกาสได้พบพระอาจารย์ด้วยตนเองถึงแม้จะเป็นเพียงครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น